วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข้อดี ข้อเสีย ของการติดตั้ง Ink-Tank

ข้อดี ข้อเสีย ของการติดตั้ง Ink-Tank
คำตอบมีทั้งจริง และไม่จริงครับ   ปัจจัยอะไรบ้างที่สำคัญสำหรับปริ้นเตอร์  ที่จะส่งผลให้ปริ้นเตอร์พัง หรือไม่พัง คือ

1.  หมึกที่เติมเข้าไป หากร้านที่รับเติมหมึก หรือ รับติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ใช้หมึกเติมเกรดต่ำ จะทำให้หัวพิมพ์อุดตันได้ง่าย
2.  การติดตั้ง  หากช่างที่ติดตั้งเดินระบบไม่ดี คือเดินสายรกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ จะทำให้หัวพิมพ์วิ่งไปติดขัด ทำให้เฟืองรูดหรือหักได้

ความเข้าใจผิดของผู้ซื้อที่พบบ่อย คือ
         1. ร้านค้าที่ขายไม่ได้แนะนำลูกค่าว้าการติดตั้ง อิงค์แท้งค์เป็นการติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไป เพราะร้านค้าทำเครื่องสำเร็จไว้แล้วพร้อมขาย พอลูกค้ามาซื้อก็แจ้งว่ามี แบบเครื่องธรรมดา และแบบติดตั้ง อิงค์แทงค์ จนลูกค้าเข้าใจว่า มีการติดตั้ง อิงค์แท้งค์ออกมาจากโรงงานผลิต ปริ้นเตอร์โดยตรง จะมีผลเสียอย่างไงหากลูกค้าเจ้าใจแบบนี้ คือ ลูกค้าจะเข้าใจว่าเครื่องปริ้นเตอร์ยังคงมีประกัน ตามเงื่อนไขผู้ผลิตปริ้นเตอร์ คือ1 ปี ซึ่งความจริง หากติดตั้งอิงค์แท้งค์ หรือเตืมหมึก  เครื่องจะหมดประกันทันที 


         2. ลูกค้า มักจะเข้าใจผิดว่า เครื่องปริ้นเตอร์ทั้งเครื่องประกัน 1 ปี  เครื่องปริ้นเตอร์ประกอบไปด้วยตัวเครื่องและหัวพิมพ์  ความจริงแล้ว 1 ปีนั้น แค่ตัวเครื่องอย่างเดียว ไม่ประกันหัวพิมพ์ แม้หากคุณซื้อจากที่ไหนก็ตาม หัวพิมพ์จะไม่มีประกัน ยกเว้นยี่ห้อ EPSON จะประกันหัวพิมพ์ให้ด้วย 1 ปี แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้ ตลับหมึกของแท้เท่านั้น หากใช้การเติมหรือซื้อตลับเทียบเท่ามาใส่ ก็จะหมดประกัน ทั้งเครื่อง และหัวพิมพ์ด้วย


         3.  ลูกค้ามักเข้าใจผิดว่า หมึก เติมที่มีขายกันตามร้านต่างๆ เป็นหมึกที่ผู้ผลิตปริ้นเตอร์ผลิตมาโดยตรง เพื่อให้เติมกับของที่เค้าผลิตมา จริงๆแล้ว ผู้ผลิตปริ้นเตอร์ ไม่ได้ผลิตหมึกเติม แต่ผลิตแค่ตลับแท้ของเค้าเท่านั้น ไม่มีการเติมหมึก คือหมดแล้วทิ้งซื้อตลับใหม่มาใส่ หมึกที่เราเติมๆกันอยู่ทุกวันนี้คือหมึกที่บริษัทอื่นผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ใน การเติมใส่ในตลับแท้ หากหัวพังหรือตัน จะไม่ใช่ความผิดของผู้ผลิตปริ้นเตอร์ แต่เป็นเพราะหมึก จะเอาความผิดกับบริษัทผลิตหมึกเติมก็ไม่ได้อีก สรุปคือ ต้องทำใจและซื้อหัวพิมพ์หรือเครื่องใหม่ เช่นกรณีลูกค้า เอาเครื่องมาซ่อมแล้วบอกว่า ซื้อหมึกสำหรับเติมยี่ห้อนี้มาเติมแล้วปริ้นไม่ออกเลย แต่ตลับที่มากลับเครื่องปริ้นปกติ แต่ไปซื้อหมึกมาเติมกลับปริ้นไม่ออก หมึกเติมไม่ดีเลย ผมก็ถามเค้าว่า ซื้อหมึกเติมยี่ห้ออะไรและซื้อมาจากไหน เค้าก็บอกว่าเป็นของยี่ห้อปริ้นเตอร์นี่แหล่ะ ผมก็บอกว่าไม่ใช่ บริษัทผลิตปริ้นเตอร์ไม่ได้ผลิตหมึกเติม เค้าผลิตตัวเครื่อง ลูกค้าก็บอกว่าร้านที่ขายหมึกเติมให้บอกว่าเป็นของยี่ห้อนี้ สรุปคือ คนขายบอกไม่ละเอียดหรืออาจจะลูกค้าเข้าใจผิดเอง

          สรุปง่ายๆคือ หมึกเติมจะมียี่ห้อหลักของสินค้า แล้วจะใช้สำหรับเติมปริ้นเตอร์ยี่ห้ออะไรก็ว่าไป EPSON CANON HP LEXMARK BORTHER  เช่น ยี้ห้อ Freejet สำหรับเติมกับ Epson     Freejet สำหรับเติมกับ Canon ยี่ห้อหลักคือ Freejet เอาไปเติมกับเครื่องยี่ห้อ อะไรก็ว่าไป เหมือนน้ำมัน ปตท. แต่เป็นรุ่น แก๊สโซฮอล 95  แก๊สโซฮอล 91 ดีเซล  ปตท คือยี่ห้อหลัก  95 91 คือรุ่นที่ใช้เติม  แล้วบางจาก ก็มี 95 91 เหมือนกัน น้ำมันมีหลายบริษัทผลิต เช่น ปตท บางจาก TPI Esso Shell หมึกเติมก็เหมือนกัน
ก่อนจะติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ควรรู้ไว้ด้วยว่า ติดตั้งแล้วเครื่องปริ้นเตอร์จะหมดประกันทันที คำถามมีอยู่ว่าทำไมต้องติดตั้ง อิงค์แท้งค์
1. จำเมื่อคุณต้องการปริ้นเอกสารเป็นจำนวนมาก
2. ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องหมึก เมื่อเทียบราคาต่อจำนวนแผ่น ติดตั้ง inktank จะถูกกว่ามาก

หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์ inkjet
            หลัก การของ inkjet คือจะมีเข็มความร้อนเผาให้น้ำหมึกเกิดความร้อนจนพุ่งออกมาเป็นไอลงบนกระดาษ เหมือนกาต้มน้ำจนน้ำเดือดออกมาเป็นไอน้ำ ดังนั้นหากคุณใช้วิธีเติมแล้วพิมพ์ หากหมึกในตลับหมดเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเครื่องก็ปริ้นต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้หัวพิมพ์เกิดความร้อนสะสม และช๊อตได้ เหมือนกับขับรถที่ไม่มีน้ำในหม้อน้ำ รถก็จะระบายความร้อนไม่ได้ เครื่องก็จะไหม้ อีกข้อคือ น้ำหมึกจะทำหน้าที่ล่อเลี้ยงหัวพิมพ์เอาไว้ไม่ให้หัวตัน เมื่อเราซื้อเครื่องปริ้นมาใหม่ๆ หมึกยังเต็มตลับ จะมีพื้นที่อากาศอยู่เล็กน้อย เวลาเราปริ้นหมึกก็จะลดลงไปเรื่อย และจะมีพื้นของอากาศเพิ่มมากขึ้น อากาศจะเป็นตัวทำให้หมึกแห้งและหวัพิมพ์ตันได้ หากหมึกหมดแล้วไม่ได้เติมเข้าไป
การติด ตั้งอิงค์แท้งค์ ไม่มีรูปแบบการเดินที่แน่นอน หรือเป็นมาตราฐาน ขึ้นอยู่กับ ไอเดียการเดินระบบของช่างล้วนๆ หากช่างไม่ชำนาญงาน เค้าจะเดินสายพาดไปพาดมา เดินไม่เป็นระเบียบ แล้วจะทำให้เครื่องตัดขัดและพังได้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ควรขอดูงานตัวอย่างก่อน จากเครื่องตัวอย่าง ถ้าคุณดูแล้วเป็นระเบียบดี ประมาณว่าดูแล้วสวยลงตัว ก็ค่อยซื้อ หากเดินไม่เป็นระบบระเบียบ ติดตัวจับสายไม่เรียบร้อย ติดตัว Tank ไม่เรียบร้อย ก็เปลี่ยนร้านซื้อได้เลยครับ
จากการ ติดตั้ง ink Tank ที่มีการเดินไม่เรียบร้อยและไม่มีคลิบล๊อคสาย การเดินที่ดีจะต้องไม่ไปทำให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของเครื่องปริ้นเตอร์เกิดการ เสียหาย การร้อยสายยางเข้าไปในตัวเครื่อง และทำการเจาะเครื่องเพื่อยึดตัว tank น้ำหมึกกับตัวเครื่อง ซึ่งมั่นคงถาวรไม่หลุดก็จริง แต่การเจาะเครื่องจะทำให้เครื่องพิมพ์ ไม่สามารถเคลมประกันได้อย่างถาวรเช่นกัน จริงอยู่ที่นำไปติดตั้ง INK Tank เครื่องจะหมดประกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราติดตั้งแบบสามารถตอนชุด Ink Tank ออกได้อย่างไม่มีความเสียหายต่อตัวเครื่อง เครื่องก็สามารถเอาไปเคลมได้ เพียงแต่คุณถอดแท้งค์ออกแล้วทำความสะอาดให้เรียบร้อย แต่บางศูนย์บริการเค้าก็รู้แต่เค้าก็เคลมให้ ถ้าสภาพเครื่องไม่เละจนเกินไป  ดังนั้นก่อนที่คุณจะติดตั้ง Ink tank ควรจะดูตัวอย่างงานติดตั้งให้ดี ไม่งั้นคุณจะปวดหัวจุกจิกกับเครื่องพิมพ์คุณไปตลอด เพราะการติดตั้งอย่างไม่ถูกวิธีจะทำให้ เครื่องมีปัญหาตามมาภายหลังได้ สายยางติดขัด หัวพิมพ์เสื่อมคุณภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น  สีเพี้ยน กลไกติดขัด  เฟืองหัก  จนถึงขั้นเครื่องพังไปเลยก็มี
รูปเครื่องที่ทำการติดตั้ง INK Tank

ระบบเติมหมึกอัตโนมัติ Auto refill

ระบบเติมหมึกอัตโนมัติ Auto refill
การพิมพ์ของเครื่องอิ้งค์เจ็ต มีอยู่ 2 วิธี ดังนี้

1. Thermal Electric (ความร้อน) เป็นการใช้ไฟฟ้ากระตุ้นน้ำหมึกที่หัวพิมพ์ให้เกิดความร้อนและฉีดออกมา ใช้ในยี่ห้อ  HP , CANON , LEXMARK
2. Piezo Electric (แรงดันไฟฟ้า) เป็นการใช้ไฟฟ้าไปกระตุ้นให้แท่ง Piezo Crystal สั่นและดันเอาน้ำหมึกออกมา ใช้ในยี่ห้อ EPSON 
การทำงานของระบบ
การ ทำงานของระบบ tank จะประกอบด้วย 2 ห้อง คือห้องเล็กและห้องใหญ่ โดยที่แรงดันในสายยางและห้องใหญ่ จะคงที่ตลอดเท่ากับห้องเล็กซึ่งอากาศจากภายนอกจะดันเข้ามาแทนที่ เมื่อมีการใช้หมึก หมึกจากห้องหมึกใหญ่จะค่อยๆ ลดลงโดยที่ความดันยังคงที่ ดังนั้นการใช้งานปกติหมึกที่อยู่ในห้องเล็กจะสูงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังรูป

                         

จุกยางจะมี 2 จุก คือจุกเล็กและ จุกใหญ่ โดยการใช้งาน ภาวะปกติให้ปิดจุกใหญ่ไว้ส่วนด้าน จุกเล็กให้เปิดออกและใส่ชุดกรองอากาศไว้
 เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายเครื่องพิมพ์และชุดแทงค์
  1. ต้องถอดชุดกรองอากาศออกก่อนและปิดจุกยางเล็ก และปิดจุกยางใหญ่ทุกครั้ง
  2. เก็บ สายยางให้เรียบร้อยโดยให้มีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด หรือพับสายยางและหนีบด้วยคลิปหนีบ หรือเทปใสเล็กรัดสายยางไว้ เนื่องจากแรงดันในสายยางจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
  3. ชุดแท้งค์ให้อยู่ในระนาบเดียวกับเครื่องพิมพ์หรือวางบนถาดรองรับกระดาษด้านหน้า (ถ้ามี)
  4. ห้ามวางชุดแท้งค์บนเครื่องพิมพ์
เมื่อต้องการเติมหมึก
  1. ควร ที่จะต้องพับสายยางและใช้คลิปหนีบกระดาษ หรือเทปใสเล็กรัดสายยางไว้ เพราะว่าถ้าไม่พับสายยาง อาจทำให้แรงดันสูงขึ้น ขณะเติมหมึกซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องพิมพ์
  2. ถอดชุดกรองอากาศออก ปิดจุกเล็กไว้ก่อน แล้วค่อยเปิดที่จุกใหญ่
  3. เติมหมึกให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ ปิดจุกใหญ่แล้วค่อยเปิดจุกเล็ก
ตัวอย่างของแท้งค์ที่มีแรงดันเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อเครื่องพิมพ์
                                   
 ดูรูปประกอบซึ่งอาจมีสาเหตุที่เป็นไปได้ดังนี้
  1.  วางชุดแท้งค์สูงกว่าเครื่องพิมพ์
  2. เปิดจุกเล็กและจุกใหญ่พร้อมกัน
การแก้ไขแท้งค์ที่มีแรงดันเปลี่ยนไป
  1. ควร ที่จะต้องพับสายยางและใช้คลิปหนีบกระดาษ หรือเทปใสเล็กรัดสายยางไว้ เพราะว่าถ้าไม่พับสายยาง อาจทำให้แรงดันสูงขึ้น ขณะเติมหมึกซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องพิมพ์
  2. ถอดชุดกรองอากาศออก ปิดจุกเล็กและ ปิดจุกใหญ่
  3. เอียงถังหมึก ดังรูปสังเกตเห็นว่าหมึกพิมพ์จะไหลจากห้องเล็กสู่ห้องใหญ่ ดังรูป
                            

  • เอียงถังหมึกตั้งตรงตามปกติ
สาเหตุที่ทำให้หัวพิมพ์เสื่อม หรือเสีย
  1. เครื่องพิมพ์ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ หมึกจะเริมแห้งและทำให้หัวพิมพ์อุดตัน
    2. น้ำหมึกในตลับเริ่มหมด แล้วยังใช้พิมพ์งานต่อไปอีก ฉะนั้นหัวพิมพ์จะขาดน้ำหมึกหล่อเลี้ยง และไม่สามารถระบายความร้อนที่หัวพิมพ์ออกไปได้ จึงเป็นผลทำให้หัวพิมพ์เสียหายอย่างถาวร
    3. หัวพิมพ์หมดสภาพหรืออายุการใช้งาน
    4. นำตลับหมึกมาเติมหมึกและนำกลับมาใช้งานบ่อยครั้งเกินไป หรือการดูแล และคุณภาพของน้ำหมึกที่ใช้เติมไม่ดี

    เทคนิคป้องกันและวิธีแก้ไขปัญหา
  2. หาก เครื่องพิมพ์ไม่ค่อยได้ใช้งาน ควรเปิดเครื่องพิมพ์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งและทดลองพิมพ์ เพื่อให้ระบบของเครื่องทำความสะอาดหัวพิมพ์ หากงานพิมพ์ปรากฎสีใดสีหนึ่งขาดหายไป ควรทำการเติมหมึกหรือ สั่งล้างหัวพิมพ์จากเครื่องไดร์เวอร์เครื่องพิมพ์รุ่นนั้นๆ และให้ทดลองพิมพ์งานต่อไป ถ้ายังมีสีที่ขาดหายไปควรส่งให้ช่างที่ชำนาญตรวจสอบต่อไป (สำหรับตลับที่มีหัวพ่นและหมึกอยู่ตลับเดียวกันให้นำตลับหมึกจุ่มในน้ำร้อนประมาณ 80 องศา ประมาณ 10 นาทีแล้วนำกระดาษทิชชูมาซับเพื่อดูว่าน้ำหมึกออกเป็นปกติหรือยังถ้าไม่ดีขึ้นแสดงว่าตลับพิมพ์นี้อาจเสียหายถาวรไม่ควรนำตลับที่เสื่อมหรือเสียนี้มาเติมหมึก )

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เติมหมึกให้อิงก์เจ็ต ใครว่ายาก? ตอนที่ 4 วิธีแก้ปัญหาที่เกิดจากการเติมหมึก

กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่เคยเติมหมึกมาแล้ว มักจะประสบกับปัญหาต่างๆ เช่น น้ำหมึกไม่ออก หรือเติมหมึกแล้วสีที่พิมพ์ออกมาผิดเพี้ยน เป็นต้น
ส่วนใหญ่ปัญหาพวกนี้มักเกิดจาก 5 สาเหตุหลักๆ ซึ่งได้แก่ หัวพิมพ์เสีย เนื่องจากทำหล่น, แผ่นลายทองแดงที่หัวพิมพ์ขาด, หัวพิมพ์อุดตัน เพราะไม่ได้ใช้เครื่องนานเกินไป พิมพ์งานจนหมึกหมด แล้วยังฝืนพิมพ์ต่อจนท่อพ่นหมึกเสีย (Overheat) และน้ำหมึกในตลับหมด ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ด้านล่างของตลับ และเป็นตัวคั่นไม่ให้หมึกที่เติมลงไปไหลลงสู่หัวพิมพ์
วิธีแก้ปัญหา กรณีที่เกิดปัญหาเพราะหัวพิมพ์ตกหล่นหรือแผ่นทองแดงขาด นั่นหมายถึงตัวตลับจะเสียไปโดยปริยาย จึงไม่ควรนำตลับหมึกดังกล่าวมาใช้เติมอีกต่อไป วิธีทดสอบว่าแผ่นลายทองแดงขาด หรือไม่ให้นำตลับหมึกใส่เข้าไปในเครื่อง ถ้าหัวพิมพ์ไม่เคลื่อนที่ ก็แสดงว่าลายทองแดงเกิดการชำรุดเสียหาย
ส่วนในกรณีที่หัวพิมพ์อุดตันเพราะไม่ได้ใช้ เครื่องเป็นเวลานานๆ ให้แก้ไขด้วยการนำส่วนของหัวพิมพ์ไปแช่ในน้ำร้อนเป็นเวลา 3 – 5 นาที เพื่อให้น้ำหมึกที่แห้งละลายออกมา หรืออาจจะนำตลับหมึกไปล้างด้วยเครื่อง Ultrasonic Cleaning เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในหัวพิมพ์
จากประสบการณ์เติมหมึกของผมเอง พบว่าปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดมักเกิดจากกรณีที่ 5 คือน้ำหมึกหมด ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ตัวตลับ อย่างไรก็ตาม ผมได้พัฒนาเทคนิคการ “อัดอากาศ” ขึ้นมา โดยเทคนิคที่ว่านี้จะอาศัยการเพิ่มแรงดันอากาศเข้าไปในช่องเติมหมึก เพื่อให้แรงดันที่เพิ่มขึ้นนี้ไปดันน้ำหมึกที่เติมเข้าไปและไล่อากาศออกมา ทางหัวพิมพ์ เทคนิคนี้คุณผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตลับหมึกอิงก์เจ็ตได้ทุกรุ่น แต่เพื่อความรวบรัด เลยขอยกตัวอย่างเทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึกรุ่นยอดนิยมของ HP ซึ่งได้แก่รุ่น C1823A, 6625A และ 6578A

ขั้นตอนการอัดอากาศ


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำไปแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 3- 5 นาที

  • เตรียมเข็มฉีดยา และแผ่นยางสำหรับปิดหัวพิมพ์ให้พร้อม (มีกาว และรูตรงกลาง)

  • ลอกกระดาษกาวออก แล้วนำแผ่นยางไปปิดที่ตลับหมึก โดยปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูของช่องเติมหมึก ดึงคันชักเข็มฉีดยาขึ้น แล้วเสียบลงในรูแผ่นยาง จากกนั้นค่อยๆ กดคันชักลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายในตลับ น้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์ ในกรณีที่ไม่มีแผ่นยางปิดหัวพิมพ์เอาไว้ให้ดึงคนชักเข็มฉีดยาขึ้น แล้วนำไปจ่อตรงรูช่องเติมหมึก เมื่อค่อยกดคันชักลง น้ำหมึกก็จะเริ่มไหลออกมา



    <<...ล้างหัวพิมพ์ด้วยการแช่ในน้ำร้อนเป็นเวลา 3 – 5 นาทีแล้วซับด้วยกระดาษทิชชู ...<<

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก Canon รุ่น BC-05, BC-01/02, BX-01/02


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • ใช้สกรูเจาะและหมุนเข้าไปในพลาสติกปิดรูช่องเติมหมึกแล้วดึงออกมา

  • เติมน้ำหมึกในช่องสีนั้นพอประมาณ

  • ดึงคันชักไซริงค์ขึ้น ก่อนเสียบเข้าไปในช่องเติมหมึก แล้วจึงค่อย ๆ กดคันชักลงเพื่ออัดอากาศเข้าไปในช่องเติมหมึกเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายใน ตลับ น้ำหมึกจะค่อย ๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก Canon รุ่น BC-20, BC-22C


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • ใช้สกรูเจาะและหมุนเข้าไปในพลาสติกปิดรูช่องเติมหมึกแล้วดึงออกมา

  • เติมหมึกในช่องตลับหมึกพอประมาณ

  • นำแผ่นยางปิดช่องเติมหมึก โดยลอกกระดาษกาวออกปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูของช่องเติมหมึกดึงคันชักไซริงค์ ขึ้น แล้วเสียบลงในรู แผ่นยาง ค่อย ๆ กดคันชักไซริงค์ลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายในตลับน้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์



    >>... นำแผ่นยางมาประกบที่ช่องเติมหมึก แล้วใช้เข็มฉีดยาค่อยๆ อัดอากาศลงไปในช่องเติมหมึก ...>>

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก HP รุ่น 51625A, 51649A


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • เปิดฝาตลับหมึกออก เติมน้ำหมึกในช่องสีนั้นพอประมาณ

  • ใช้สติ๊กเกอร์ปิดคาดรูเติมหมึก ซึ่งจะเห็นว่ามีทั้งหมด 3 รู ต่อช่องสี ให้ปิดคาด 2 รู คงเหลือไว้ 1 รู

  • ลอกกระดาษกาวออกจาก แผ่นยางปิดช่องเติมหมึก ปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูช่องเติมหมึก

  • ดึงคันชักไซริงค์ขึ้น แล้วเสียบลงในรู แผ่นยาง ค่อย ๆ กดคันชักไซริงค์ลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายในตลับน้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก Canon รุ่น BC-03, BX-3


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • ใช้เหล็กรูปตัวแอล กดลูกเหล็กตรงช่องเติมหมึกให้หล่นเข้าไปในตลับ

  • เติมหมึกในช่องตลับหมึกพอประมาณ

  • ลอกกระดาษกาวของ แผ่นยางปิดช่องเติมหมึกออก ปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูช่องเติมหมึก

  • ดึงคันชักไซริงค์ขึ้น แล้วเสียบลงในรู แผ่นยาง ค่อย ๆ กดคันชักไซริงค์ลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายใน ตลับน้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์

    หากสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่า วิธีการแก้ปัญหาที่เกิดจากการเติมหมึกสำหรับพรินเตอร์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ นั้น มีทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกัน ถึงแม้บทความชุดนี้จะไม่ได้ครอบคลุมตลับหมึกทุกรุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ใน ปัจจุบัน

    แต่ถ้าคุณผู้อ่านสนใจ สามารถหาติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มล่าสุด “Inkjet PowerUP : เพิ่มพลังเติมหมึกยกกำลัง 2” ซึ่งได้รวบรวมเทคนิค การเติมหมึกสำหรับตลับหมึกแต่ละแบบเอาไว้อย่างครบถ้วนแล้ว

  •  http://www.arip.co.th/articles.php?id=405546

    วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    หัวพิมพ์ตัน .. พิมพ์รูปมีลายขวางเป็นม้าลาย

    หัวพิมพ์ตัน .. พิมพ์รูปมีลายขวางเป็นม้าลาย
    สำหรับผู้ใช้เครื่องพิมพ์ที่นาน ๆใช้ที
    ขนาดกำชับว่า 2-3 วันเปิดพิมพ์อะไรก็ได้ทิ้ง ๆขว้าง ๆสักแผ่นก็ยังดี
    พี่ท่านก็ยังลืม หรืออาจจะขี้เกียจด้วย อิ..อิ..
    เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน จนลืมไปเลยว่าี่มีเครื่องพิมพ์อยู่

    แน่นอนครับ หัวพิมพ์จะเริ่มตันทีล่ะนิด พิมพ์รูปออกมามีลายขวางเป็นทางม้าลาย
    หรือถ้าอาการหนักมาก หมึกแห้งคาฟองน้ำส่งผลให้ฟองน้ำแข็งไม่ซึมซับหมึก
    เติมหมึกนิดเดียวก็ล้นแต่สั่งพิมพ์อะไรไม่ออกเลย



    ปัญหานี้ไม่เหมือนปัญหาฟองอากาศคั่นอยู่ระหว่างชั้นหมึก
    อันนั้นใช้ลมอัดไล่ฟองอากาศออกมาได้ง่าย ๆ แต่นี้หมึกแข็งตัวอุดตันแก้ยากกว่า

    ก่อนอื่นมาดูโครงสร้างของตลับหมึก HP ก่อน



    ในรูปเป็นตลับหมึกสีเบอร์ 22 ยอดนิยม
    สังเกตขอบพลาสติกของตัวถังหนามากชนิดรถถังเรียกพี่
    ผ่านการทุบถองด้วยค้อน+คัตเตอร์ จึงเปิดฝาออกได้
    จะเห็นแผ่นสี่เหลี่ยมสีขาวอยู่ 3 แผ่น เดาว่าน่าจะเป็นแผ่นกรองน้ำหมึกก่อนออกสู่หัวพิมพ์
    สำหรับมือใหม่ถ้าเติมหมึกโดยจิ้มเข็มลงตรงกลางก็จะทะลุแผ่นกรองหมึกสีขาว
    ก็เรียบร้อยครับ หาซื้อตลับหมึกใหม่ได้เลย

    อย่า..อย่า..เพิ่งตกใจ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมีดบาดมานั่งผ่าตลับหมึก
    ผมเพียงแต่เอารูปมาให้ดู ให้เห็นว่าช่องหมึกออกยกสูงขึ้นมาจากหัวพิมพ์
    เวลามีการอุดตัน ก็น่าจะมีหมึกแข็งตัวเป็นก้อนอุดตันที่แผ่นกรองสีขาวนั่นเอง

    เนื่องจากหมึกสี HP เป็นหมึกที่ใช้ตัวทำละลายคือน้ำธรรมดา
    ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อน้ำยาล้างหัวพิมพ์ให้เปลืองตัง
    แค่เอาตลับหมึกแช่น้ำประปาง่ายจะตายไป
    (ยกเว้นท่านเอาหมึก Canon ซึ่งกันน้ำดีกว่า HP มาเติมตลับ HP อาจมีปัญหา)
    นอกจากนี้หมึกเติมบางยี่ห้อเช่น Comax ของ HP ก็จะมีคุณสมบัติกันน้ำนิด ๆด้วย




    มีเทคนิคนิดหน่อย คือแช่ให้ระดับน้ำสูงกว่าแผ่นกรองสีขาวด้านในตลับ
    เพื่อที่แรงดันน้ำจะได้ดันน้ำถึงระดับแผ่นกรอง ละลาย clog ที่อุดตัน
    ตามรูปจะเห็นแช่แค่ตื้น ๆ นั่นมันหลอกตาครับเพราะแสงหักเหใต้น้ำ จริงแล้วแช่เกือบครึ่งตลับ
    จากผลการทดลอง ถ้าจะให้หัวพิมพ์ Clear 100% ต้องแช่ค้างคืนครับ



    เสร็จแล้วเอาจุ๊บดูดตรงหัวพิมพ์ หมึกจะทะลักออกมาอย่างง่ายดาย
    รับประกันพิมพ์ออกมาไร้ตำหนิ เหมือนหัวพิมพ์ใหม่แกะกล่องยังไงยังงั้น



    ชะแว๊บ ... เนียนจริง ๆไม่มีรอยขวางม้าลายให้เห็นอีกแล้ว
    ช่วงใช้งานใหม่ ๆหมึกอาจจะสีจางกว่าปกติเพราะมีน้ำผสม แต่ก็ใช้งานได้ครับ
    พิมพ์รูปออกมาสวยเนียนไร้ตำหนิ สวรรค์ของคนใช้ HP จริง ๆ

    ถ้าอาการไม่หนักมาก+รีบใช้งาน
    ก็ให้เอาถ้วยเล็ก ๆใส่น้ำนิดหน่อยเข้า Microwave เวฟสัก 20 วินาที ก็ได้น้ำอุ่น
    เอาหัวพิมพ์ลงไปแกว่ง ระวังอย่าเตรียมน้ำร้อนเกินไป หัวพิมพ์อาจพังได้
    ถ้าน้ำร้อนเกินไป ก็แกว่งไปนับ 1-5 (5 วินาที) แล้วรีบเอาขึ้น อย่าแช่นานเกินไป

    กรณีอาการหนักมาก แช่น้ำทั้งคืนก็ไม่หาย
    ให้ใช้หลอดฉีดยาฉีดน้ำเปล่าเข้าไปล้างฟองน้ำให้ขาวสะอาด(7-8 เที่ยว)
    เสร็จแล้ววางหัวพิมพ์บนทิชชู่ ให้น้ำซึมออกมาให้หมด
    แล้วเติมหมึกใหม่ครับ

    อีกวิธีก็วางตลับหมึกในอ่างน้ำเครื่อง Ultrasonic
    เปิดคลื่น Ultrasonic สัก 1 นาทีครับ ช่วยได้เช่นกัน

    ปล. ต้องแยกอาการให้ออกนะครับ ว่าหัวพิมพ์ตันเนื่องจากไม่ได้ใช้งานมานาน
    กรณีมือใหม่หัดเติมหมึก จิ้มเข็มลงไปตรงกลางทะลุแผ่นกรองสีขาวของหัวพิมพ์เป็นรู
    อันนี้หัวพิมพ์เสีย หมึกออกบ้างไม่ออกบ้าง แก้ไม่ได้แล้วครับ ต้องซื้อใหม่


    พิมพ์เป็นทางม้าลาย เนื่องจากตอนเติมหมึกเสียบเข็มไม่ลึกพอ
    ====================================
    อาการนี้เจอบ่อยเช่นกัน นักเติมหมึกมือใหม่มักไม่กล้าเสียบเข็มลึก
    เพราะเกรงว่าจะไปแทงทะลุหัวพิมพ์
    หรือไม่ก็ใจร้อนฉีดหมึกเร็วเกินไป หรือฉีดหมึกใส่รูที่ห่างไกลหัวพิมพ์
    หรือใช้หมึกที่มีฟองฟอดเติมเข้าไปในตลับ
    ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้เกิดฟองอากาศคั่นระหว่างหัวพิมพ์กับหมึก

    การเติมหมึกที่ได้ผลดีที่สุด คือ ฉีดหมึกใกล้หัวพิมพ์ที่สุดอย่างช้า ๆ
    นั่นคือ ควรจะเสียบเข็มลึกถึงก้น (แต่ไม่ใช่ตรงกลาง เดี๋ยวจะแทงหัวพิมพ์)
    โดยเลือกรูที่ใกล้หัวพิมพ์ที่สุด

    วิธีแก้อย่างรวดเร็ว คือ หาทางอัดลมเข้าไปดันให้น้ำหมึกลงไปกองใกล้หัวพิมพ์
    แต่บางครั้งวิธีนี้ก็ไม่สามารถกำจัดฟองอากาศในตลับได้
    ให้ใช้วิธีเสียบเข็มเข้าไปดูดหมึกออกให้มากที่สุด
    แล้วเติมหมึกเข้าไปใหม่ โดยเสียบเข็มให้ลึกถึงก้น ฉีดช้า ๆ

    พิมพ์เป็นทางม้าลาย เนื่องจากหัวพิมพ์ร้อนพัง
    ==========================
    ตลับหมึกรุ่นใหม่ หัวพิมพ์จะไม่ค่อยทนทานเท่าตลับรุ่นเก่า
    เมื่อหมึกหมดแล้วยังคงมีการพิมพ์งานต่อ จะทำให้หัวพิมพ์สีนั้นเสียหาย
    ส่งผลให้งานพิมพ์เป็นทางม้าลาย

    เช่น สีเหลืองมักจะเป็นสีที่หมดก่อนสีอื่น (เพราะใช้เยอะเป็นส่วนผสมในสีเขียวกับสีแดง)
    อาการเริ่มจาก สั่งพิมพ์สีเหลืองแต่ออกมาเป็นสีเหลืองอ่อน
    ซึ่งไม่มีทางแก้ ไม่ว่าจะแช่น้ำ ยิงคลื่นultrasonic หรือจะปั๊มดูดยังไงก็ไม่หาย
    คาดว่าหัวพิมพ์คงหลอมละลายอุดตันไปเรียบร้อยแล้ว

    ดังนั้นการซื้อตลับหมึก HP มือสอง ที่วางขายอยู่ทั่วไปเสี่ยงยิ่งนัก
    เพราะตลับหมึกเหล่านี้ผ่านการพิมพ์จนหมึกหมดทุกหยด จึงเอามาขาย
    หัวพิมพ์บางสีอาจจะเสียหายไปเรียบร้อยแล้ว

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chaiya&group=7

    วิธีเติมหมึก Canon ตลับ #5 #8 #820 #821

    วิธีเติมหมึก Canon ตลับ #5 #8 #820 #821
    การเติมหมึกตลับ Canon ชนิดตลับแยกสีนี้ ควรเติมหลังจากที่

    1. โปรแกรมของเครื่องพิมพ์เตือนว่าหมึก"สีนั้น"หมด
    2. ที่เครื่องพิมพ์ขึ้นไฟกระพริบไม่สามารถพิมพ์ต่อได้
    3. ให้กดปุ่ม Resume ที่เครื่องพิมพ์ค้างไว้ 5 วินาที แล้วเครื่องก็จะพิมพ์งานต่อได้
    4. หลังจากพิมพ์งานเสร็จจึงค่อยถอดตลับ"สีนั้น"มาเติมหมึก

    ซึ่งตลับแต่ล่ะสี จะไม่หมดพร้อมกัน ตลับสีไหนหมดก่อนก็เติมสีนั้นก่อน
    จึงจำต้องทำขั้นตอนข้อ 1-4 ทั้งหมด 4 รอบ แล้วแต่สีไหนหมดก่อน (เครื่อง 4 ตลับ)
    ห้ามเติมหมึกตลับที่ยังไม่หมดก่อนล่วงหน้า มิฉะนั้นโปรแกรมอาจล๊อก ทำให้ไม่สามารถใช้ตลับนั้นได้
    แต่หลังจากทำขั้นตอน 1-4 ครบทุกสี สามารถถอดตลับมาเติมหมึกเมื่อไรก็ได้ตามใจชอบ

    หากเครื่องขึ้นข้อความถามประมาณว่า
    "ตลับสีหมึกหมดแล้ว หากต้องการใช้ต่อให้ตอบตกลง" ?
    "ต้องการยกเลิกระบบตรวจเช็คระดับหมึก ใช่หรือไม่" ?
    ก็ตอบ OK ตกลง ใช่ ไปเรื่อย ๆ

    ตลับหมึกรุ่นนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนครับ

    1. ส่วนที่มีฟองน้ำ (ห้องใหญ่)
    2. ส่วนที่เป็นห้องเก็บน้ำหมึก (ห้องเล็ก)

    ปกติที่เห็นโดยทั่วไป วิธีเติมหมึกจะเจาะด้านบนของห้องเก็บน้ำหมึก
    เติมหมึกเข้าไปแล้ว seal ด้วยปืนกาว หรืออาจจะขันน๊อตปิดไม่ให้อากาศเข้าได้
    ซึ่งถ้า seal ไม่ดี หรือ เวลาเติมหมึกครั้งใหม่ก็ต้องเปิดรูแล้ว seal ใหม่อยู่เรื่อย
    ถ้าอุดไม่ดีอาจมีปัญหาอากาศรั่วเข้าไปได้ หมึกก็จะไหลท่วมเครื่องเสียหายได้

    อย่ากระนั้นเลย มาลองใช้วิธีเติมหมึกโดยไม่ต้อง seal ให้ยุ่งยาก
    หมึกหมดก็แค่ถอดตลับมาเสียบเข็มฉีดหมึกให้เต็ม ง่ายจะตายไป

    นี่ครับโฉมหน้าตลับ Canon เบอร์ 8 เบอร์ 5


    คัดนายแบบออกมา 1 นาย ขอเป็นสีเหลืองล่ะกัน
    ทุกครั้งที่จะถอดตลับให้ตัดไฟก่อนครับ ไม่งั้นตัวชิปเสียหน้ามืด
    1. เปิดฝาให้ตลับเลื่อนมาพร้อมถอด แต่ .. อย่าเพิ่งถอด
    2. ดึงปลั๊กไฟออกแกล้งไฟดับ แล้วค่อยถอดตลับออกมา


    ตรงวงกลมสีแดง คือ ส่วนที่เราจะทำการเจาะรูเพื่อเติมหมึกครับ

    นี่ไง เจาะรูเรียบร้อยแล้ว
    ผมใช้หัวแร้งบัดกรีจี้นำเป็นรูเล็ก ๆ แล้วค่อยเอาไขควงซ่อมนาฬิกาอันเล็กคว้านให้ใหญ่
    แหะ..แหะ.. ถ้าฟังดูซับซ้อน ก็ใช้สว่านเจาะ หรือทำยังไงก็ได้ให้ได้รูขนาดเข็มฉีดยาเสียบเข้าไปได้

    อุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นต้องมี คือ เข็มฉีดยาขนาด 3-4 นิ้ว
    หาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป (ร้านขายยาเล็ก ๆอาจไม่มีขายครับ)
    ที่ต้องยาวเพราะต้องเสียบเข้าไปให้ถึงห้องที่เก็บน้ำหมึกครับ

    เสียบเข้ามาแล้ว
    เห็นหัวเข็มทะลุฟองน้ำเข้าไปยังห้องเล็กที่เก็บน้ำหมึก

    อีกรูป ชัด ๆ

    เรียบร้อยครับพี่น้อง
    หมึกเต็มสมใจนักเติมหมึก

    โอ้ ... รูเติมไม่ต้อง seal ให้ยุ่งยาก
    หมึกไม่รั่วออกมาอยู่แล้ว ฟองน้ำอุ้มน้ำหมึกไว้

    สภาพตลับเดิม ๆครับพี่น้อง
    ไม่ต้องไปแกะสติ๊กเกอร์ เจาะ ๆซีล ๆให้วุ่นวายเหมือนก่อน

    == แถมท้าย ==
    สำหรับผู้ที่ไม่อยากเจาะตลับวุ่นวาย ก็ให้ใช้วิธีหยดหมึกติ๋ง ๆลงไปบนฟองน้ำกลมโดยตรงก็ได้ครับ
    (หงายตลับขึ้นมา ตรงช่องหมึกออกนั่นล่ะ จะเห็นช่องกลม ๆและฟองน้ำ)
    แต่จะเติมหมึกได้แค่เต็มฟองน้ำเท่านั้น ไม่สามารถเติมหมึกที่ห้องเล็กเก็บน้ำหมึกได้
    เวลาเติมอย่าให้เข็มฉีดยาไปโดนฟองน้ำจนเสียรูปล่ะ

    ควรจะเติมหมึกให้ฟองน้ำชุ่มหมึกอยู่เสมอ
    การปล่อยให้ตลับมีหมึกเหลือนิดเดียวไว้นาน ๆไม่รีบเติม
    หมึกจะแห้ง ส่งผลให้ฟองน้ำแข็ง ไม่ซึมซับหมึก
    ตามภาพที่เห็นตลับสีเหลืองฟองน้ำยังซึมซับหมึกได้ดี
    ถ้าเกิดสภาวะฟองน้ำแข็งจะเห็นสีเหลืองในฟองน้ำแบ่งเป็น 2 สี อ่อนกับเข้ม

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chaiya&group=10

    ช่วยด้วย !! ..สีเพี้ยน.. เติมหมึกผิดช่อง

    ช่วยด้วย !! ..สีเพี้ยน.. เติมหมึกผิดช่อง
    นักเติมหมึกมือใหม่มักจะมองโลกในแง่ดีเกินไป
    เห็นสติ๊กเกอร์ที่ติดอยู่บนตลับหมึกเรียงลำดับสีอย่างไร ก็คิดว่าต้องเติมหมึกตามนั้น
    ซึ่งผลที่ได้คือ ฉีดหมึกผิดช่อง ทำให้เกิดการผสมสีเพี้ยนไปเลย
    หรือบางทีผนังข้างในปิดไม่สนิท เติมล้นก็ไหลไปผสมสีอื่นก็เคยเจอ

    จะไปโทษตัวเองก็ไม่ได้ เพราะเวลาหมึกหมดตลับ ฟองน้ำในตลับจะเปลี่ยนเป็นสีขาวเหมือนกันหมดทุกช่องสี
    แล้วใครจะไปรู้ล่ะ ว่าช่องไหนต้องเติมสีอะไร

    วิธีที่จะหาว่าช่องไหนเติมสีอะไร คือ เอาเข็มจิ้มฟองน้ำลงไปลึก ๆ
    แล้วเอาเข็มมาป้ายกับกระดาษสีขาว ก็จะรู้ว่าช่องนั้นต้องเติมสีอะไร

    ไหน ๆก็เติมหมึกผิดช่องไปซะแล้ว จะทิ้งตลับสีเพื่อซื้อใหม่ก็แพงเอาการอยู่
    อย่ากระนั้นเลย หาทางแก้ไขให้กลับมาใช้ได้เหมือนเดิมดีกว่า

    --------------------
    วิธีฉีดล้างฟองน้ำ
    --------------------
    ก็มีวิธีล้างฟองน้ำง่าย ๆดังนี้ครับ

    1. เอาตลับหมึกไปที่ซิ้งค์น้ำล้างจาน งานนี้มีเลอะแน่นอนพี่น้อง
    2. เอาหลอดฉีดยายิ่งใหญ่ยิ่งดี สูบน้ำประปานั่นล่ะ ฉีดเข้าไปแบบเติมหมึกเลยล่ะ
    3. ฉีดน้ำประปาเข้าไปเรื่อย ๆ จนน้ำที่ล้นออกมาเปลี่ยนจากน้ำสีเป็นน้ำใส ก็เรียบร้อย
    4. หาทางทำให้ฟองน้ำแห้ง โดยการอัดลมเข้าไปไล่น้ำออก หรือเอาจุ๊บดูดตรงหัวพิมพ์
    หรือเอาหัวพิมพ์วางแนบทิชชู่ก็ได้
    5. ฟองน้ำไม่จำเป็นต้องแห้ง 100% เติมหมึกได้เลยครับ สีอาจจะจางหน่อยก็ไม่มีปัญหา
    6. ถ้าอยากให้สีหายจืด ก็สั่งพิมพ์ไล่สีไปสัก 3-4 ใบ แล้วเติมหมึกซ้ำ

    ----------------------------------------------------------------------
    วิธีผ่าตลับหมึก (เป็นวิธีเก่า ใช้ตอนที่ยังไม่ค้นพบวิธีฉีดล้าง)
    ----------------------------------------------------------------------
    นำ ตลับมาจัดการผ่าเอาฝาออก ขอเตือนก่อนว่าค่อนข้างอันตราย ถ้าไม่ระวังอาจผ่าโดนนิ้วตัวเอง เทคนิคผ่าไม่ให้โดนนิ้วตัวเองคือ เวลาวางมีดบนร่องฝา ให้เอานิ้วกดบนตัวตลับเพื่อกันไม่ให้ตลับพลิกเวลาเอาค้อนตอก

    เมื่อผ่าออกมาก็จะเห็นตับไตไส้พุงข้างใน เนื่องจากเป็นตลับแถม introductory จึงมีช่องว่างเล็ก ๆฟองน้ำไม่เต็มตลับ




    สีควรจะเป็นแดง เหลือง น้ำเงิน แต่นี่เพี้ยนไปหมดเลย



    งัดเอาฟองน้ำทั้ง 3 ก้อนออกมาล้างน้ำ บีบ บีบ บีบ แล้วก็บีบ



    ถ้ามีเวลาเหลือเฟือ ก็เอาแช่น้ำทิ้งไว้ค้างคืน
    แต่ของผมรีบเร่ง จึงได้แค่นี่ล่ะ บีบจนน้ำออกมาใสก็ใช้ได้แล้ว
    เสร็จแล้วเอาพัดลมเป่าให้แห้ง ว่าจะเอาไปต้มให้ขาวก็เกรงว่าฟองน้ำจะเสีย



    ส่วนตัวตลับสีก็เอาไปล้างน้ำ เปิดน้ำจากก๊อกให้ไหลผ่านเพื่อล้างสี
    เสร็จแล้วเอามาวางบนทิชชู่ เพื่อให้ทิชชู่ดูดซับหมึกสีออกจากหัวพิมพ์ให้หมด



    ฉีดหมึกเข้าไปใหม่ให้ถูกช่อง ช่องล่ะ 4 ซีซี
    ปิดฝา ก็เรียบร้อยใช้งานได้เหมือนเดิม
    ฝาควรปิดผนึกให้แน่นเหมือนเดิม ด้วยกาวตราช้าง
    ระวังการเติมหมึก ถ้าล้นจะไหลข้ามไปผสมสีอื่น เพราะตอนผ่าได้ทำฝาแตก
    วิธีนี้จึงไม่แนะนำให้ทำอย่างยิ่ง

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chaiya&group=6

    วิธีเติมหมึกตลับ HP 21-22, 27-28, 56-57, 60, 74-75, 95-96-97-99-564-703-901ฯลฯ

    วิธีเติมหมึกตลับ HP
    วิธีเติมหมึกตลับ HP 21-22, 27-28, 56-57, 60, 74-75, 95-96-97-99-564-703-901ฯลฯ
    =====================================================

    clip โชว์ขั้นตอนการตัดไฟ-ถอดตลับ-เติมหมึก-ใส่ตลับกลับคืน (ตลับดำเบอร์ 74 เครื่องพิมพ์ HP Photosmart C4480)
    http://www.youtube.com/watch?v=VadYqZxA65s

    Clip วิธีเติมหมึกตลับสีเบอร์ 901 ของเครื่อง HP Officejet J4660
    http://www.youtube.com/watch?v=Mqn3gpfPLCc

    * * * เครื่อง HP เมื่อเติมหมึกใช้งาน ไม่ต้องสนใจไฟเตือนระดับหมึกอีกต่อไป เติมบ่อย ๆไฟเตือนจะดับไปเอง * * *


    ในที่นี้จะยกตัวอย่างเครื่อง HP all in one F4185(หน้าตาคล้ายกับ F2280) ซึ่งใช้ตลับเบอร์ 21-22 ตลับเบอร์นี้จะเติมหมึกง่ายสุดครับ
    เครื่องที่ใช้ตลับเบอร์ 27-28 และ 56-57 หากนำเอาตลับ 21-22 ใส่แทนก็อาจจะทำงานได้เช่นกัน






    1. กดปุ่ม Power ให้เครื่องทำงาน

    2. เปิดฝาด้านหน้า ตลับหมึกจะเลื่อนมาตรงกลางให้ถอด แต่อย่า ... ขอร้อง...อย่าเพิ่งถอดตลับ
    (ถ้าเป็น F4280 ให้เปิดฝาด้านขวามือ ตลับจะเลื่อนมาชิดด้านขวา)

    3. ดึงปลั๊กไฟ"หลังเครื่อง"ออก เพื่อตัดไฟเลี้ยง
    (การกดปุ่มปิดไฟที่ปลั๊กไฟไม่เพียงพอ อาจจะยังมีไฟเลี้ยงอยู่)

    ถ้าถอดหรือใส่ตลับโดยมีไฟเลี้ยงอยู่ เครื่องจะจำ ID ของตลับไว้
    พอใส่กลับคืน เครื่องจะไม่รับตลับหมึก ขึ้นไฟกระพริบตัว "E"
    ซึ่งตลับรุ่นเก่าอย่าง 21-22 สามารถ reset ให้กลับมาใช้ใหม่ได้
    แต่ถ้าเป็นตลับรุ่นใหม่เบอร์ 60-703-901 จะ reset ไม่ได้ ซื้อใหม่อย่างเดียวเลย

    4. ถอดตลับออกมาเติมหมึก ตลับเบอร์ 21(ดำ) จะมีพิมพ์คำว่า Introductory ประมาณว่าตลับแถมฟรี มีฟองน้ำนิดเดียว จุหมึกได้ 3-4 ซีซี
    (ถ้าหมึกยังไม่หมดก็จะเติมได้แค่ 1-2 ซีซี)
    ถ้าตลับสีจะเบอร์ 22 ตลับแถมมาพร้อมเครื่อง จุหมึกได้สีล่ะ 3-4 ซีซี เช่นกัน

    ถ้าเป็นตลับ"ดำ"เบอร์ 60,703,901 ควรระวังการเติมหมึก
    หากเติมมากเกินไป หมึกจะล้นไปยังห้องว่าง (ถ้าตลับ XL ฟองน้ำจะเต็มไม่มีห้องว่าง)
    เวลาใส่ตลับเข้าเครื่อง หมึกที่ล้นก็จะไหลออกมาเลอะเครื่อง
    ตลับดำ 60 แนะนำเติม 3 ซีซี ก็พอครับ ถ้าเติมเกินจะวุ่นวายมากมาย
    ถ้าต้องการจุหมึกมากกว่านั้น ต้องซื้อ xl ครับ (60 ธรรมดาจุหมึกเท่า 60 แถม)
    ผมใช้หมึกดำยี่ห้อ Smile เติม ครั้งที่ 3 จะพิมพ์ไม่ออกครับ
    ต้องเอาน้ำ 20% ผสมหมึกดำเขย่าให้เข้ากัน แล้วเติมตลับ 60 ถึงจะพิมพ์ออก
    (ผมลองเปลี่ยนมาใช้หมึกดำ Only one เติม ไม่ต้องผสมน้ำก็พิมพ์ออกครับ)
    ส่วนตลับสี 60 แถม เติมได้แค่สีล่ะ 1 ซีซี หมึกไม่ต้องผสมน้ำครับ
    ตลับสี 60 ถ้าซื้อใหม่ เติมได้สีล่ะ 3 ซีซี
    ตลับสี 901 ดีกว่าหน่อย จุสีล่ะ 3 ซีซี แต่เวลาเติม 2 ซีซีก็พอ


    5. เอาเข็มฉีดยาดูดหมึกเข้าหลอดช้า ๆสัก 3 ซีซี ย้ำว่าช้า ๆถ้าดูดเร็วจะมีฟองอากาศผสมในหลอด ต้องดูดใหม่
    เข็มควรจะเป็นเข็มชนิดยาว 1.5 นิ้ว ถ้าสั้นจะเสียบได้ไม่ลึกพอ ทำให้เติมหมึกแล้วพิมพ์ไม่ออก
    เพราะเวลาเติมต้องฉีดหมึกที่ระดับต่ำสุด แล้วระดับหมึกค่อย ๆสูงขึ้นดันฟองอากาศขึ้นมาข้างบน
    สำหรับท่านที่เคยเติมหมึกตลับ Canon มาก่อน โดยหยดหมึกลงบนฟองน้ำให้หมึกซึมลงไป
    วิธีนี้ใช้กับตลับ HP ไม่ได้ครับ
    เพราะเครื่องพิมพ์ HP ไม่มีปั๊มดูดหมึกแบบเครื่อง Canon ครับ


    6. แกะสติ๊กเกอร์ด้านบนตลับออก จะเห็นรูเติมหลายรู เติมรูที่มีฟองน้ำอยู่
    (ตลับบางเบอร์เช่น 60, 703, 901 จะมีห้องว่างซี่งไม่มีฟองน้ำ ให้เติมห้องที่มีฟองน้ำ)
    ถ้าตลับสีก็เอาเข็มเสียบเข้าไปแล้วมาป้ายกับกระดาษขาว จะได้รู้ว่ารูนี้เป็นรูสีอะไร
    เสียบเข็มให้ลึกเกือบสุดก้น อย่าเสียบตรงกลางเดี๋ยวจะจิ้มโดนหัวพิมพ์พัง
    ให้แทงเข็มไปด้านข้าง เลียบไปกับฝาด้านข้างของตลับหมึก เสียบลึกได้สุดเข็ม 1.5 นิ้วพอดี
    (หัวพิมพ์อยู่ใต้แผ่นขาว ๆในรูป)
    ถ้าเป็นตลับแถมเบอร์ 60,703,901 หัวพิมพ์จะอยู่ตื้นมาก
    เสียบเข็ม 1.5 นิ้วไม่สุดก็เจอหัวพิมพ์แล้ว ต้องระวังให้มาก
    ส่วนใหญ่มือใหม่จะจิ้มเข็มลงตรงกลางโดนหัวพิมพ์พัง ซื้อตลับใหม่ได้เลย



    ปกติตลับหมึกจะมีหลายรู

    ถ้าเลือกเติมรูที่ใกล้หัวพิมพ์ที่สุด จะเสี่ยงที่สุด
    เพราะอาจแทงโดนหัวพิมพ์ทะลุ ถ้าไม่ชำนาญพอ
    แต่ถ้าคล่อง ๆ ฉีดช้าอย่ารีบ ใส่ตลับคืนสั่งพิมพ์ได้เลยหมึกออกครบ
    (กรณีพิมพ์งานเป็นร้อยใบ ต้องรีบทำเวลา)

    แต่ถ้าใช้งานเองทั่วไป พิมพ์งานนิดหน่อยไม่รีบ
    เติมรูที่อยู่ห่างหัวพิมพ์ก็ได้ ปลอดภัย
    เสร็จแล้วสั่งล้างหัวพิมพ์ 1-2 ครั้ง ก็ใช้งานได้




    7. ฉีดช้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ยิ่งช้ายิ่งดี นับ 1-20 ช้า ๆฉีดหมดเข็มพอดี
    เวลาพิมพ์หมึกจะได้ไม่ขาด เวลาล้นจะได้หยุดทัน
    วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าเติมล้น ตาจ้องมองฟองน้ำ พอฟองน้ำเปลี่ยนสีให้หยุดทันที ก็จะพอดี
    เพราะถ้าหมึกล้น อาจจะล้นไปผสมกับสีอื่น (บางตลับผนังด้านในกั้นไม่สนิท จะล้นข้ามไปผสมกับสีอื่นได้)
    กรณีเติมหมึกล้นให้ดูดหมึกคืน 0.5 ซีซี เพราะถ้ารอซับที่หัวพิมพ์จะนานมากกว่าหมึกจะหยุดไหล

    ถ้าเป็นตลับดำเบอร์ 60 ไม่ต้องรอหมึกล้นครับ เพราะถ้าล้นจะล้นไปเก็บที่ห้องว่าง
    แนะนำเติม 3 ซีซีครับ เพื่อตัดปัญหาหมึกไหลไปเข้าห้องว่างต้องดูดทิ้ง

    8. เอาทิชชู่ซับตรงหัวพิมพ์ ถ้าหมึกออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก็ OK แต่ถ้าหมึกออกไม่ดี ก็ต้องปั๊มหัวใจช่วยชีวิต
    (กรณีเสียบเข็มตรงกลางจิ้มโดนหัวพิมพ์พัง หมึกจะไม่ออกเป็นสี่เหลี่ยมแล้ว)

    เอา หลอดฉีดยาเปล่า ๆไม่ต้องใส่เข็ม จ่อตรงรูเติมหมึก (รูอื่น ๆเอานิ้วอุดไว้) อัดลมเข้าไป หมึกจะทะลักออกทางหัวพิมพ์เอาทิชชู่รองไว้ก่อนก็ดี

    9. ปิดสติ๊กเกอร์ หรือหาสติ๊กเกอร์ใหม่มาปิดรูกันฝุ่นเข้า หรือจะปล่อยโล่งโจ้งไม่ต้องปิดเลยก็ได้
    (จะเห็นร่องลึกเป็นทางเดินอากาศ ถ้าปิดจนหมดอากาศเข้าไม่ได้ ก็จะพิมพ์ไม่ออกเช่นกัน)

    10. ใส่ตลับเข้าที่เติม เสียบปลั๊กไฟ

    11. กดปุ่ม Power ให้เครื่องทำงาน

    12. กดปุ่ม Cancel แช่ไว้อย่าปล่อย แล้วกดปุ่มถ่ายเอกสารสี เครื่องจะพิมพ์หน้าทดสอบออกมาให้ดู ว่าสีออกครบไหม

    13. หากมีตัวจุ๊บดูดหัวพิมพ์ ควรดูดหมึกออกทางหัวพิมพ์ทิ้งประมาณ 0.5 ซีซี
    จะช่วยให้ตลับหมึกนั้น พิมพ์งานได้จนหมึกหมดตลับหยดสุดท้าย

    วิธีคำนวณจำนวนหน้าที่ตลับหมึกสามารถพิมพ์ได้
    ================================
    1. ถ้าพิมพ์ตัวหนังสือเต็มหน้ากระดาษ A4 จะพิมพ์ได้ 30 หน้า/หมึก 1 ซีซี
    2. ถ้าพิมพ์รูป Photo เต็มหน้ากระดาษ A4 จะพิมพ์ได้ 6-7 รูป/หมึก 1 ซีซี

    ปล. ถ้าใช้งานเยอะ+บ่อย ก็ต้องหาซื้อตลับใหม่ เพราะตลับใหม่ฟองน้ำเยอะจะเติมหมึกได้มากกว่าตลับ Introductory
    แนะนำซื้อตลับดำ 21b ราคา 300 กว่าบาท จุหมึกได้ถึง 18 ซีซี (Max)
    เอา 18 คูณ 30 เข้าไป ก็พิมพ์งานได้ 540 หน้าครับ เยอะมาก ๆ

    ตลับสี 22 ราคา 600 กว่าบาท จุหมึกได้สีล่ะ 6 ซีซี (3 สีก็ 18 ซีซี)
    เอา 6 คูณเข้าไป ก็จะพิมพ์รูป Photo เต็ม A4 ได้ประมาณ 36-42 รูป

    ความลับของตลับ HP 21xl และ 22xl คือ มีฟองน้ำเท่ากับตลับ 21-22 ธรรมดา
    เพียงแต่ตลับ xl จะเติมหมึกมาให้เต็ม ส่วนตลับ 21-22 เติมหมึกมาไม่เต็ม
    ดังนั้นเราซื้อ 21-22-21B ธรรมดาก็พอ เอามาเติมหมึกก็เต็มเท่า xl
    ดังนั้นใครใช้ตลับเบอร์ 21-22-21B จะคุ้มมาก

    หมึกซื้อเกรดปานกลาง HP ไม่ค่อยจู้จี้เรื่องหมึกเท่าไรนัก
    ราคาประมาณ freejet smile G-ink compute ฯลฯ
    แต่อย่าซื้อเกรดต่ำ เห็นแก่ราคาถูกเกินไป เพราะจะพิมพ์งานได้สีที่ืจืดมาก ไม่สวย
    ขวดเล็ก 50 ซีซีก็พอ น่าจะสัก 70-80 บาท อย่าลืมขอของแถม คือ เข็มฉีดยา
    พอเติมคล่อง ๆก็ซื้อขวด 100 ซีซี หรือ 500 ซีซี หรือ 1,000 ซีซี


    เครื่องรุ่นนี้ใส่แค่ตลับหมึกอันเดียวก็ยังคงทำงานได้ครับ
    ถ้าใส่ตลับหมึกสีเบอร์ 22 ตลับเดียว จะพิมพ์ได้ทั้งสีและดำ โดยจะผสม 3 สีออกเป็นสีเทาดำ
    ถ้าใส่ตลับหมึกดำเบอร์ 21 ตลับเดียว จะพิมพ์สีออกมาในโทนเทาอ่อน เทาเข้ม

    ปัญหาที่ที่เจอบ่อย และควรระวัง
    =====================
    ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ยอมกดถ่ายเอกสารสี
    (เพราะคิดว่าหมึกสีแพง จริง ๆแล้วหมึกสีราคาเท่ากับหมึกดำ)
    ทำให้ตลับหมึกสีตัน
    ให้ถอดตลับสีออกมา เอาหัวพิมพ์แตะน้ำอุ่นเพื่อให้หมึกที่แข็งตัวละลาย
    แล้วก็ผายปอดช่วยชีวิต ตามข้อ 8
    ถ้าหมึกยังไม่ออกให้เอาตลับแช่น้ำไว้ 1 คืน
    ถ้ายังไม่ออกอีก ให้ฉีดน้ำเข้าไปล้างฟองน้ำให้ขาวแล้วเติมหมึกใหม่
    (อ่านใน Blog หัวข้อ หัวพิมพ์ตัน ..พิมพ์รูปมีลายขวางเป็นม้าลาย)

    ผู้ใช้มือใหม่มักไม่รู้อาการหมึกหมด (พิมพ์เส้นเริ่มขาด หรือสีเพี้ยนเพราะสีใช้หมดไปสีนึง)
    ปกติตลับแถมหมึกดำ จะหมดก่อนเพื่อน
    ซึ่งหมึกดำต่างจากหมึกสีตรงเป็นหมึกชนิดกันน้ำ (Pigment)
    ถ้าปล่อยให้หมึกดำหมดแล้วไม่รีบเติม หมึกแห้งคาตลับทำให้หัวพิมพ์ตัน
    จะแก้ยาก เพราะแช่น้ำทิ้งไว้ทั้งคืนก็ไม่สามารถละลายหมึกที่ตันได้
    ต้องมีอุปกรณ์ตัวจุ๊บดูด ถึงจะแก้อาการหัวตันได้

    หากพิมพ์รูปแล้วเห็นเป็นจุดชัดเจนมีเกรนน่าเกลียด (แม้จะสั่งพิมพ์ละเอียดสุด)
    นั่นคือ อาการหัวพิมพ์ตันนิด ๆ ให้เอาหัวพิมพ์จุ่มน้ำอุ่นแล้วผายปอดตามข้อ 8

    วิธีเติมหมึกตลับ HP 564
    =================
    ตลับ #564 เป็นตลับโครงสร้างใหม่ของ HP
    รูปแบบจะคล้ายกับตลับ #5 #8 #820 #821 ของ Canon คือ ตลับจะแบ่งเป็น 2 ส่วน

    1. ส่วนที่มีฟองน้ำดูดซับน้ำเก็บน้ำหมึก (จะมีรูระบายอากาศติดต่อกับภายนอก)
    2. ส่วนที่เป็นห้องว่างไม่มีฟองน้ำ ไว้เก็บน้ำหมึกอย่างเดียว (จะไม่มีรูระบายอากาศ)
    แต่จะมีช่องเชื่อมกับส่วนที่มีฟองน้ำ เพื่อให้หมึกไหลเข้าฟองน้ำได้

    วิธีเติมหมึกมีหลายวิธี คล้าย ๆกับการเติมตลับ Canon

    - วิธีหยดหมึกติ๋ง ๆลงบนฟองน้ำโดยตรง วิธีนี้จะเติมหมึกได้เฉพาะส่วนฟองน้ำ
    หมึกที่เติมจะไม่เข้าไปเก็บในส่วนห้องว่าง ทำให้เติมได้น้อย แต่ทำได้ง่ายมาก
    เด็ก ๆก็ทำได้สบายมาก หากเติมมากเกินหมึกจะล้นฟองน้ำไหลออกมาทางรูระบายอากาศ

    - วิธีเจาะตลับฝั่งห้องว่าง แล้วเติมหมึกเข้าไป เสร็จแล้วต้อง seal ปิดผนึกรูที่เจาะ
    ไม่ให้อากาศเข้าออกได้ เพราะถ้าปิดไม่สนิท หมึกจะรั่วออกจนหมดท่วมเครื่องพิมพ์
    วัสดุที่ใช้อุดรอยเจาะ ควรเป็นเทปพันสายไฟ หรือกาวแท่งลนไฟหยอดปิด

    - ตัดไฟก่อนถอดตลับ 564 ออกมาเติมหมึก

    อนึ่ง ตลับ HP 564 มี 5 ตลับ
    ตลับ C, M, Y, ดำโฟโต้, ดำPigment
    ตลับดำโฟโต้ ออกแบบมาให้ใช้กับหมึกน้ำ Dye
    ดังนั้นไม่ควรใช้หมึกดำ Pigment ซึ่งเป็นหมึกกันน้ำเติม
    ปัจจุบันในท้องตลาด มีเพียงยี่ห้อ ezzyjet ที่ทำหมึกดำโฟโต้ของ HP ขาย
    หากหาซื้อไม่ได้ ลองใช้หมึกดำโฟโต้ของ Canon
    หรือหมึกดำของ Epson ยี่ห้อ freejet ซึ่งเป็นหมึกดำละลายน้ำ
    ท่านอาจจะหาซื้อหมึกเติมสีดำของ Epson ที่เป็นหมึกน้ำ Dye มาเติมแทน

    วิธีเติมหมึกโดยไม่ต้องถอดตลับ
    =====================
    ปกติตลับหมึกของ HP จะทนมาก แต่หลังจากเติมหมึก 40-50 ครั้ง
    มักจะมีปัญหาลายทองแดงที่ตลับหมึกบุ๋ม เนื่องจากโดนกระแทกทุกครั้งที่ใส่ตลับเข้าเครื่อง
    เมื่อบุ๋มลึกเกินไป ไม่สัมผัสทำให้วงจรทำงานไม่สมบูรณ์่ขึ้นตัว "E" ไม่รับตลับหมึก
    ทำให้ต้องสูญเสียเงินซื้อตลับหมึกใหม่ (แม้ว่าจะคุ้มสุดคุ้มเพราะเติมหมึก 40-50 รอบแล้วก็ตาม)

    อย่ากระนั้นเลย หาวิธีเติมหมึกโดยไม่ต้องถอดตลับหมึกเข้าออกบ่อย ๆดีกว่า
    ในรูปจะเป็นตลับหมึกสี 60xl ราคา 1,250 บาท (เนื่องจากค่าตัวแพงมากจึงต้องหาทางประหยัด)
    ส่วนตลับดำเป็น 60B ราคา 320 บาท ที่ผ่านการเสริมอึ๋มให้จุหมึก 15 ซีซีแล้ว (ตัวนี้ราคาถูก ไม่ Serious)



    การเติมหมึกด้วยวิธีนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่เติมหมึกเป็นมาก่อน
    รู้ว่าพิมพ์งานไป 10-20-30 หน้า หมึกเหลือเท่าไรควรเติมเท่าไร
    ถ้าจำไม่ได้เวลาเติมให้ฉีดช้า ๆ ถ้าเติมเกินจะล้นออกทางรูระบายอากาศด้านบน
    ให้รีบหยุด แล้วดูดออก 0.5 ซีซี





    แก้ไข
    ====
    รูเติมหมึกสีแดง-น้ำเงิน-ดำ ที่เจาะท้ายตลับ ผมเจาะสูงเกินไปครับ
    ทำให้เวลาแทงเข็ม ไม่สามารถแทงลึกถึงก้นตลับได้
    ก่อให้เกิดปัญหาฟองอากาศ พิมพ์ไม่ออก ต้องถอดตลับมาดูดหัวพิมพ์

    ผมจึงเอาเทปปิดรูที่เจาะ แล้วทำการเจาะรูใหม่ เจาะล่างสุดเลยครับ
    คราวนี้เวลาแทงเข็มเข้าไปเติมหมึก ก็เป็นการเติมที่ก้นตลับพอดี


    วิธีเติมหมึกโดยไม่ต้องถอดตลับ (ปรับปรุง)
    ============================
    เนื่องจากเข็มให้น้ำเกลือปีกผีเสื้อ มีขนาดสั้นเกิน+สายน้ำเกลือห้อยยาวเกะกะ
    ผมจึงคิดค้นวิธีใหม่ โดยใช้เข็มฉีดยาธรรมดา ยาว 1.5 นิ้ว (แทงถึงก้นตลับพอดี)
    งอเข็มแล้วเสียบเข้าไปในฟองน้ำ (ระวังโดนหัวพิมพ์)
    หาจุกยางมาอุดให้แน่น เวลาเติมก็ใช้เข็มแทงทะลุจุกยางเข้าไปฉีดหมึก
    เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ ไม่ต้องถอดตลับอีกแล้ว






    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=chaiya

    วิธีการเปลี่ยนตลับหมึก

    วิธีการเปลี่ยนตลับหมึก
    <ตลับหมึกที่เหมาะกับเครื่องพิมพ์>
    Black Ink Tank BCI-3eBK
    Black Ink Tank BCI-6BK
    Yellow Ink Tank BCI-6Y
    Magenta Ink Tank BCI-6M
    Cyan Ink Tank BCI-6C
    <ขั้นตอนการเปลี่ยนตลับหมึก>
    1. เปิดเครื่องพิมพ์
    2. เปิดถาดกระดาษขาออกและฝาครอบด้านบน
    ข้อควรจำ :
    เปิดถาดกระดาษขาออกอย่างระมัดระวัง
    3. รอจนกว่าหัวพิมพ์เลื่อนมาตรงกลาง เปิดฝาครอบด้านใน
    4. นำตลับหมึกที่หมดออกมา
    หมายเหตุ :
    เมื่อเปลี่ยนตลับหมึกหลายตลับในคราวเดียว ให้ระวังการติดตั้งผิดตำแหน่ง ให้ทำการเปลี่ยนทีละตลับ
    5. แกะตลับหมึกออกจากห่อแล้วดึงแถบสีส้มออกตามทิศทางที่แสดงตามลูกศรด้านล่าง ดึงแถบป้องกันออกให้หมด
    หมายเหตุ :
    ดึงแถบสีส้มออกให้หมด
    ถ้าดึงแถบสีส้มออกไม่หมด การพิมพ์อาจไม่ทำงานปกติ


    <1> ดึงแถบออกถูกต้อง
    <2> ดึงแถบออกไม่ถูกต้อง
    6. ถอดฝาสีส้มออกมาโดยบิดช้าๆในทิศทางตามลูกศร
    ข้อควรจำ :
    ดึงฝาออกในขณะที่ถือตลับหมึกไว้เพื่อป้องกันไม่ให้มือเปื้อนหมึก
    7. ใส่ตลับหมึกเข้าไปในช่องแล้วดันลงไปตามสัญลักษณ์ PUSH ด้านบนของตลับหมึก จนมีเสียงดังคลิก
    ติดตั้งตลับหมึกอื่นๆด้วยวิธีเดียวกัน
    8. ปิดฝาครอบด้านในและฝาครอบด้านบน
    ข้อควรจำ :
    เมื่อทำการพิมพ์ครั้งต่อไป การทำความสะอาดหัวพิมพ์จะทำงานโดยอัตโนมัติ
    ไฟที่เครื่องจะกระพริบระหว่างทำความสะอาดหัวพิมพ์ อย่าปฏิบัติงานอื่นจนกว่าไฟที่เครื่องจะหยุดกระพริบและปรากฎเป็นไฟสว่าง
    <ลำดับการติดตั้งตลับหมึก>
    หมายเหตุ :
    ตรวจดูว่าตลับหมึกอยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้อง
    <สถานะการติดตั้งตลับหมึก>
    <ติดตั้งถูกต้อง>
    <ติดตั้งไม่ถูกต้อง>

    <ภาพซ้าย> ตลับหมึก M ติดตั้งไม่เรียบร้อย
    <ภาพขวา> ตลับหมึกทั้งหมดติดตั้งไม่เรียบร้อย
    http://support-th.canon-asia.com/contents/TH/TH/8000615420.html

    ขายส่งหมึกเติม ตลับหมึก เปิดร้านเติมหมึก inkjet inktank

    ขายส่งหมึกเติม ตลับหมึก เปิดร้านเติมหมึก inkjet inktank printerหมึกเติม inkjet  inktank printer น้ำหมึก masterink อิงค์แท้งค์ เติมหมึก เปิดร้านเติมหมึก น้ำหมึกHP,CANON,BROTHER,EPSON,LEXMARKปริ้น เตอร์/Printer/เครื่องพิมพ์ ราคาปริ้นเตอร์ ราคาPrinter รับเติมหมึก   เติมหมึก   แก้ปัญหาปริ้นเตอร์   ร้านเติมหมึกปริ๊นเตอร์   ร้านขายคอมพิวเตอร์   ร้านซ่อมคอมพิวเตอร์   พริ้นเตอร์   ปริ้นเตอร์   ผงหมึกผงหมึกเลเซอร์   หมึกพิมพ์   หมึก   inkjet   หมึก   หมึกเลเซอร์   โทนเนอร์   หมึกเติมปริ้นเตอร์   เติมหมึกเครื่องอิงค์เจ็ท   เติมหมึกปริ้นเตอร์   อุปกรณ์คอมพิวเตอร์   ปริ้นเตอร์   ถังเก็บน้ำหมึก  masterink  ตลับหมึก   อิ้งค์เจ็ท   ผ้าหมึก   น้ำหมึก   หมึกพริ้นท์   มาสเตอร์อิงค์   พลาสติกผสมสี   หมึกพิมพ์พลาสติก  

    วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    การต่ออินเตอร์เน็ต โดยใช้โมเด็ม 2 ตัวพร้อมกัน หรือ Multi Link PPP

    การต่ออินเตอร์เน็ต โดยใช้โมเด็ม 2 ตัวพร้อมกัน หรือ Multi Link PPP
    ในปัจจุบันนี้ การต่ออินเตอร์เน็ตโดยใช้ โมเด็ม ธรรมดาทั่วไป จะสามารถทำความเร็วของการรับข้อมูลได้ สูงสุดที่ 56Kbps ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว มักจะได้ความเร็วที่ต่ำกว่านั้น เช่นอาจจะอยู่ที่ 40-50Kbps หากต้องการใช้งานอินเตอร์เน็ต ที่เร็วมากกว่านี้ จะต้องเปลี่ยน รูปแบบของการต่อ อินเตอร์เน็ตใหม่ เช่นเปลี่ยนไปใช้ ISDN หรือ ADSL ซึ่งราคาค่าบริการ จะแพงกว่า การเชื่อมต่อผ่าน โมเด็มธรรมดาค่อนข้างมาก ถ้าหากท่านมี account ต่ออินเตอร์เน็ตที่รองรับการเชื่อมต่อแบบ Multi Link และมีโมเด็ม 2 ตัว มีคู่สายโทรศัพท์ 2 สาย มาลองทำการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตแบบ Multi Link ให้ได้ความเร็วเป็น 2 เท่าดีกว่าครับ สิ่งแรกที่จะต้องมี ในการใช้งาน Multi Link คือ
    1. Account สำหรับต่ออินเตอร์เน็ตที่รองรับ Multi Link หรือที่ connect ได้พร้อม ๆ กันหลายคนใน user เดียวกัน
    2. โมเด็ม 2 ตัวติดตั้งในเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยจะเป็นแบบ Internal หรือ External ก็ได้ทั้งนั้น
    3. คู่สายโทรศัพท์ 2 เบอร์ สำหรับโมเด็ม 2 ตัวครับ
    4. ระบบปฏิบัติการต้องเป็น Windows98 ขึ้นไป หรือ Windows95 ที่อัพเกรต Dial-Up Networking เป็นรุ่น 1.3
    โดยปกติแล้ว การซื้อชั่วโมงอินเตอร์เน็ตแบบรายชั่วโมง หากเป็นแบบที่รองรับ Multi Link PPP แล้ว ระบบมักจะทำการ นับชั่วโมงการใช้งานอินเตอร์เน็ต เพิ่มเป็น 2 เท่านะครับ
    เริ่มต้นกับการเตรียมติดตั้งโมเด็ม และอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมก่อน
    ก่อนอื่น ก็ต้องทำการติดตั้งโมเด็ม 2 ตัวให้เรียบร้อยก่อน โดยที่อาจจะตรวจสอบ การติดตั้งโมเด็ม 2 ตัวโดยการเข้าที่ Control Panel เลือกเข้าที่ Modem แล้วจะเห็นรายการโมเด็ม 2 ตัวตามภาพ

    หลังจากที่ติดตั้งโมเด็มและลง driver ต่าง ๆ ของโมเด็มเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือ ทำการตั้งค่าของ Dial-Up Networking ให้สามารถใช้งานแบบ Multi Link โดยเลือกเข้าที่ My Computer >> Dial-Up Networking

    ถ้าหากยังไม่มีการตั้งค่าของ Connection ไว้ ต้องทำการเพิ่ม Connection เข้าไปก่อน (เหมือนกับการสร้าง Connection ทั่ว ๆ ไป) จากนั้น กดเมาส์ขวาที่ Connection ที่จะทำการตั้งให้เป็น Multi Link นั้น เลือกที่ Properties

    ตรงช่อง Connect using จะเป็นการกำหนดว่า จะใช้โมเด็มตัวไหนในการต่ออินเตอร์เน็ต ให้เลือกที่ตัวใดตัวหนึ่งไปก่อนครับ จากนั้นกดที่ป้าย Multilink เพื่อกำหนดโมเด็มอีกตัว ให้ใช้งานได้

    กดเลือกที่ Use additional device และกดปุ่ม Add... เพื่อเลือก โมเด็มอีกตัวให้เป็น Multilink

    จะมีเมนู Edit Extra Device ให้ทำการเลือกใช้ โมเด็มที่เหลืออยู่อีกตัว แล้วกด ok และกำหนดเบอร์โทร ของโมเด็มตัวที่ 2 นี้ (ถ้าเป็นคนละเบอร์กับตัวแรก)

    จะได้ตามภาพตัวอย่างครับ กด OK เป็นอันเสร็จขั้นตอนการตั้งค่า
    การใช้งานและเชื่อมต่อโดยทำแบบ Multi Link
    หลังจากที่ติดตั้งและตั้งค่าต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว เริ่มต้นการเชื่อมต่อแบบ Multi Link โดยการเข้าผ่าน Connection แบบปกติ

    การเชื่อมต่อ ก็ทำแบบปกติ เป็นการต่อโมเด็มตัวแรกก่อน (เหมือนกันต่อเน็ตธรรมดาทุกอย่าง)

    รอจนกระทั่งการเชื่อมต่อผ่านโมเด็มตัวแรก เสร็จเรียบร้อย จากนั้น ให้กดดับเบิลคลิกที่ไอคอนของการเชื่อมต่อ (ที่ task bar ด้านล่างขวามือของจอ) กดที่ปุ่ม Details จะเห็นหน้าตาของ Connection ตามภาพ

    รอสักพัก ระบบจะทำการต่อโมเด็มตัวที่ 2 ให้คุณเอง ถ้าหากการต่อโมเด็มตัวที่ 2 สำเร็จ ความเร็วที่แสดงด้านบน ก็จะเพิ่มตัวเลขขึ้นไปครับ แต่ถ้าหากการเชื่อมต่อไม่สำเร็จ ความเร็วที่จะเท่ากับการต่อแบบ โมเด็ม 1 ตัวธรรมดา
    โดยสรุป หากต้องการความเร็ว ของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่เร็วขึ้น โดยยังไม่ถึงขั้นเปลี่ยนไปใช้พวก ISDN หรือ ADSL วิธีการต่อโมเด็มแบบนี้ อาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับผู้ที่ต้องการความเร็ว ในราคาประหยัดครับ