วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แชร์ประสบการณ์-ติดตั้ง inktank ให้ hp deskjet 1050

HP Deskjet 1050 เป็นเครื่องประเภท All In One คือพิมพ์+สแกน+ถ่ายเอกสารได้ในตัวเดียว ราคาก็พันกว่าๆนิดๆ แต่ถ้าต้องการพิมพ์อย่างเดียว ก็ยังมีรุ่น D1000 และ D2000 ให้เลือกอีก บางตัวราคาไม่ถึงพัน


จากประสบการณ์ที่ทำ inktank กับ hp มาหลายตัวแล้ว ผมใช้สูตร "ใส่ตลับสีตลับเดียว" มาโดยตลอด ยกเว้นว่าถ้าเครื่องใดต้องการใช้พิมพ์ดำอย่างเดียว ผมก็จะใส่ตลับดำตลับเดียวเหมือนกัน


ข้อเสียของการใส่ 2 ตลับ แต่งานสำนักงานส่วนมากมีแต่เอกสารตัวอักษรสีดำ จะทำให้ตลับสีตันเร็ว เพราะสีไม่ค่อยมีโอกาสไหลเลย พอมีเอกสารที่จะพิมพ์สีสักที ก็พิมพ์ไม่ได้ซะแล้ว ข้อดีของ HP ก็คือ ใส่สีตลับเดียวก็พิมพ์ได้ โดยจะผสมแม่สีให้เป็นดำ ถึงจะไม่ดำสนิทนัก แต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร สิ่งที่ได้ทดแทนกลับมาก็คืออายุของตลับพิมพ์ที่ยาวนานขึ้น


ตลับหมึกที่แถมมากับเครื่อง จะถูกกั้นห้อง แล้วใส่น้ำหมึกมาในห้องเล็กๆ ทำให้พิมพ์ได้ไม่เท่าไรก็หมด ใช้ในบ้านไม่เท่าไร แต่ใช้ในสำนักงานนี่ระวังแทบไม่ทัน เผลอๆไปหน่อย พนักงานแจ้งว่าหมึกหมด ถามไปถามมาบอกว่าหมดมา 3 วันแล้ว พิมพ์แห้งจนหัวพังไปเลย


อย่างนี้ต้องแก้ปัญหาด้วยการติดตั้ง inktank แต่ HP เองก็กันท่าน่าดู(อิอิ) เอาฝาพลาสติคกั้นอ้อมหน้าอ้อมหลัง ยึตน็อตด้วยสกรูหัว 6 เหลี่ยม ไขควงแบนหรือแฉกธรรมดาอย่าหวังจะได้กิน ใหนจะสลักพลาสติคที่ซ่อนตัวอยู่ตามหลืบตามมุมต่างๆ งัดเป็นแตก


ผมเสิร์จหาข้อมูลไปเรื่อย ดูตัวอย่างเครื่องนั้นเครื่องนี้ ยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ไปเรื่อยๆ จนได้ไอเดียในการเดินสายหมึก โดยต้องเจาะรูเล็กๆเพื่อรัดสายหมึกด้วยเคเบิ้ลไทร์เพียงรูเดียว





ตรงที่ผมทำวงกลมเล็กๆสีแดงไว้นั่นละ ใครมีหัวแร้งปลายแหลมๆ็ก็เอามาจี้ได้เลย หรือจะเอาตะปูขนาดพอเหมาะ เอาคีมจับแล้วมาลนเทียนเพื่อให้ร้อน แล้วก็เอาไปจี้ให้ทะลุก็ได้ ไม่แนะนำให้เจาะด้วยสว่าน เพราะเศษพลาสติคจากการเจาะ อาจสร้างปัญหาให้กับกลไกการขับเคลื่อนหัวพิมพ์ได้





ข้างบนคือหน้าตาของเคเบิ้ลไทร์หรือเข็มขัดรัดสายไฟขนาดเล็ก รูแดงๆที่จะเจาะ จะต้องให้เจ้าตัวนี้สอดเข้าไปได้


ตลับหมึกสีเบอร์ 61 ช่องเติมหมึกจะเป็นแบบในรูปข้างล่าง ช่องบนสุดจะเป็นสีเหลือง กลาง+ล่างซ้ายเป็นสีแดง กลาง+ล่างขวาเป็นสีน้ำเงิน





รูปขอยืมมาจากอินเตอร์เน็ต ใครเป็นเจ้าของอยู่ต้องขออนุญาตด้วยนะครับ ถ้าไม่อนุญาตก็เมล์มาแจ้งได้ จะได้เอาออก


ที่ทำลูกศรชี้ไว้ (สีแดง+สีน้ำเงิน) จริงๆแล้วมาใช้ที่รูคู่ล่างนะครับ รูคู่กลางจะไม่ไปยุ่ง ซึ่งมีต้นสายปลายเหตุอยู่


สังเกตตรงนี้ครับ ตรงรูกลาง 2 รู ลองเทียบกับรูล่างสุดดู





จะเห็นว่า 2 รูล่างสุดนั้น จะเซาะร่องอากาศจากขอบรู วนไปเวียนมา แล้วไปโผล่ทางขอบสติ๊กเกอร์ด้านล่าง เพื่อให้อากาศเข้าได้ เพราะถ้าอากาศเข้าไม่ได้ หมึกก็จะไม่ไหลนั่นเอง


ส่วนรูกลาง 2 รูนั้น จะไม่มีร่องอากาศไปเชื่อมต่อ ทำให้บริเวณขอบๆรูนั้น มีพื้นที่ที่ราบเรียบอยู่ และพื้นที่ตรงนี้ ถูกปิดทับมาอย่างแน่นสนิท โดยสติ๊กเกอร์บนตลับนั่นเอง ซึ่งหมายถึงว่า อากาศไม่สามารถเล็ดลอดมายังรูนี้ได้


ผมจะใช้ประโยชน์ตรงนี้ โดยตัดสติ๊กเกอร์ออกเพียงด้านบนและด้านล่าง ส่วนตรงกลางปล่อยไว้อย่างเดิม จะได้ไม่ต้องหาวิธีอุดให้ยุ่งยากครับ การตัดกระดาษเป็นดังรูปต่อไป





ใช้คัทเตอร์กรีดเป็นเส้นตรง ด้านบนเหนือเลข 61 เมื่อกรีดแล้วก็แกะสติ๊กเกอร์ด้านบน(ที่ผมทำเป็นสีเทา)ออกไปเลย จะมองเห็นรูเติมหมึกสีเหลือง 1 รูอยู่ตรงนี้


จากนั้นใช้คัทเตอร์กรีดใต้วงกลม 3 วง แล้วดึงสติ๊กเกอร์ด้านล่าง(สีเทา)ออกมา จะมองเห็นรูเติมหมึกด้านล่าง 2 รู


ตรงกลางที่ยังมีสติ๊กเกอร์ปิดอยู่ ก็ใช้นิ้วหัวแม่มือ กดๆคลึงๆ ให้สติ๊กเกอร์แนบลงไปให้สนิทยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้อากาศวิ่งผ่านตรงนี้ได้


หลังจากนี้ก็นำสว่านมาคว้านรูบนและรูล่างเพิ่มเล็กน้อย เพื่อให้จุกยางของ inktank สามารถเสียบลงไปได้ ตัว inktank ใช้ของ advice ราคาแค่ 95 บาท





อุปกรณ์สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ cable tie base หรือฐานสำหรับเคเบิ้ลไทร์ หรือเคยเห็นมีคนเรียกว่าตีนตุ๊กแกก็มีั ปกติแล้ว ตัวมันเองจะติดกาว 2 หน้ามาไว้ให้แล้ว สามารถแกะกระดาษออกแล้วนำไปติดตั้งได้เลย แต่จากการใช้งานจริง ไม่นานมันก็หลุดออกได้ ผมเลยใช้วิธีแกะกระดาษออก แล้วเอากาวช้างมาทาบางๆบนกระดาษกาวอีกที แล้วค่อยนำไปติดตั้งในเครื่องพิมพ์





ตำแหน่งที่จะติดตั้ง cable tie base คือบริเวณลูกศรสีน้ำเงิน 2 อัน โดยต้องเอื้อมมือล้วงเข้าไปตามแนวลูกศรสีดำ ตามรูปข้างล่่าง ต้องเล็งให้ดีๆ ระวังกาวตราช้างติดมือด้วย (อย่าทากาวมากจนเยิ้ม ยุ่งแน่ๆ)





ลืมบอกไปว่า ต้องเลือก cable tie base แบบตัวเล็กๆ ถ้ามีแบบตัวใหญ่ๆต้องตัดขอบออก ให้พอดีกับร่องที่จะติด ไม่งั้นมันจะไม่สนิท เวลาเดินสายหมึกแล้วหลุดออกมาจะวุ่นวายภายหลัง


ได้ลองวาดรูปแบบคร่าวๆออกมา ดังรูป A, B และ C จะได้เข้าใจมากขึ้น





*** ไปถ่ายรูปมาแล้ว ดูรูปเอาจะดีกว่าเขียนอธิบาย ถ้ามีประสบการณ์ในการติดตั้งอิ็งค์แท้งค์มาบ้าง ก็สามารถทำตามได้ไม่ยากครับ ***

















ระวังเรื่องความยาวของสายหมึก ให้ยาวพอดีสำหรับการเลื่อนไปสุดของทั้งด้านซ้ายและขวา อย่าเหลือไว้มากเกิน เพราะจะไปขวางทางเดินของตลับ และถ้าสั้นเกิน ตลับวิ่งไม่สุดก็จะเกิด error ไม่ยอมทำงาน





ในการใช้งาน จะต้องปิดฝาให้เข้าที่ ไม่สามารถมองเห็นตลับหมึกได้ ฝาจะเบียดๆสายหมึกที่วิ่งเข้าทางด้านขวา จะเผยอออกมาสักนิดนึง
เวลารัดเคเบิ้ลไทร์ ให้เล็งๆสายหมึกให้วิ่งอยู่หลังแผ่นพลาสติค เพราะถ้ามาวิ่งอยู่ข้างหน้า มันจะเบียดกับฝาปิด ถ้าฝาเปิดออกหรือเผยอมากไปจะพิมพ์งานไม่ได้ เพราะจะมีเฟืองบังคับกระดาษอยู่ที่ส่วนล่างของฝานี้ด้วย


ในการใช้งานจริง ถ้ามีการพิมพ์งานอยู่เรื่อยๆจะดีมาก เพราะหมึกจะถูกดูดขึ้นมาที่ตลับอยู่บ่อยๆ แต่เนื่องจากตลับที่ผมใช้นี้คือตลับแถม จุหมึกได้แค่สีละประมาณ 1 ซี.ซี.เท่านั้น เมื่อไม่ได้พิมพ์นานๆ หมึกอาจไหลย้อนกลับได้เ็ล็กน้อย ผมจึงทำชีทงานสำหรับเทสสีไว้ในเอ็กเซล เป็นแถบสีเหลือง-แดง-น้ำเงิน เช้ามาก็ให้พนักงานสั่งพิมพ์แถบสีนี้ออกมาด้วยกระดาษเสียๆสัก 1 แผ่น ก็จะเป็นการดึงให้หมึกไหลเข้าตลับมากขึ้น ก็สามารถพิมพ์งานทั่วไปได้ทั้งวันครับ


เพิ่มเติม
หลังจากติดตั้งใช้งานในที่ทำงานทั้งหมด 4 เครื่อง จึงมีสิ่งที่จะนำมาบันทึกเพิ่มเติมไว้อีกเล็กน้อย
1. ปัญหาจากสายหมึก เนื่องจากร้านที่ขายอิ๊งค์แท้งค์ได้พันสายหมึกไว้รอบๆแท้งค์ แล้วเอาเทปใสพันทับอีก ด้วยเหลี่ยมมุมของตัวแท้งค์ ทำให้เมื่อแกะสายหมึกออกมาแล้วมันบิดไปบิดมา เกิดรอยหยัก งอผิดรูป เมื่อประกอบเข้ากับตลับพิมพ์และรัดเคเบิ้ลไทร์แล้ว มีผลให้การวิ่งไปมาของสายหมึกผิดทิศทางได้ ตรงนี้คงต้องแก้ปัญหาสดๆ จะบิด จะเอียง จะเยื้อง หรือเจาะรูเพิ่ม ต้องแล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งผมทำ 4 เครื่อง ใช้หลักการเดียวกัน แต่การเดินสายหมึกก็ต่างๆกันไป
2. การติดตั้งไดรฟ์เวอร์ ถ้าใช้เครื่องเดียวเพียวๆ ไม่แชร์ให้ใคร สามารถใช้วิธีเสียบสาย USB ให้คอมเจอเครื่องพิมพ์และสแกนเนอร์ใหม่ พอถามหาไดรฟ์เวอร์ ก็ให้เข้ามาเสิร์จที่ไดรฟ์ซีดี วิธีนี้จะสะดวกเวลาใช้งาน ไม่ต้องคอยมาตอบ OK เพื่อยอมรับว่าจะใช้ตลับสีตลับเดียว และไม่ต้องคอยตอบ No Thank เพื่อบอกว่าจะไม่สั่งซื้อหมึกดำ
3. ถ้าต้องแชร์เครื่องพิมพ์ ต้อง setup จากแผ่นซีดี หรือไฟล์ที่ดาวน์โหลดลงมาจากเน็ตเท่านั้น ถ้าทำตามข้อ 2 จะเพียงแค่ Test Print ได้ แต่พิมพ์งานจริงไม่ออก
4. ขั้นตอนเกือบสุดท้ายของการติดตั้ง จะพาเราไปหน้า register ให้กด X ลงมาได้เลย จากนั้นก็เลือก ไม่ต้องการ แล้วจึงจบการติดตั้ง ไม่อย่างนั้นคอยแต่จะพาออนไลน์ไปสั่งของอยู่เรื่อย
5. ถ้าทำข้อ 2 ไปแล้ว ต่อมาต้องการลงไดรฟ์เวอร์ตามปกติเพื่อแชร์เครื่องพิมพ์ ให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งลงมาใช้เท่านั้น ถ้าใช้แผ่นซีดี มันก็จะเข้ามาค้นได้ไดรฟ์เวอร์เดิมอีก ซึ่งจะแชร์ไม่ได้สักที ต้องระวังครับ
6. หลังจากใช้งานมาพอประมาณ พบว่าสีดำที่ผสมมาจากแม่สี 3 สีนั้นหนักไปทางแดงทุกเครื่องครับ แต่ก็ยังถือว่าพอยอมรับได้กับงานทั่วๆไป ส่วนงานสีนั้นเพี้ยนบ้างแต่ก็ถือว่าดี
7. ตลับแถมบอบบางมาก เครื่องนึงของผมรู้สึกว่าสีแดงจะทะลุไปหาเหลือง ไล่สายหมึกแล้วไม่ได้เสียบผิดแน่ๆ แต่แดงไปผสมกับเหลืองในปริมาณที่ไม่ได้สัดส่วน เวลาพิมพ์ดำกลับดีมากๆ (เป็นงั้นไป) เครื่องนี้ถ้าพิมพ์สีแล้วเพี้ยนมากมาย แต่ก็ยังได้เอกสารสีแบบขำๆ แต่ถ้าตัวอักษรสีดำละก็แจ่มเลย
8. กาวช้างอุดลมไม่ดี แต่เอาเทียนมาหยดใช้ได้ดีมากๆครับ
9. ถ้าเครื่องที่แชร์ไว้ไม่มีใครนั่ง ก็ไม่ต้องเดินมากด OK เพราะพักเดียวมันก็จะปิดหน้าไปเอง


เพิ่มเติมอีกครั้ง
จากการสังเกตทั้งตลับแถม กับตลับที่ซื้อใหม่ #61 นี้ คุณภาพฟองน้ำได้แค่ใช้ 1 ครั้งเท่านั้น ไม่รู้ว่าตั้งใจหรืออย่างไร เพราะพอจะเติมหมึกหลังจากหมึกหมด เวลาแทงเข็มลงไป ฟองนี้แข็งปั้กเลยทีเดียว หากฝืนฉีกหมึกลงไป ก็จะพบกับอาการ"ฟองน้ำไม่อุ้มหมึก" คือเติมเท่าไรไหลลงท่วมเครื่องหมด ต้องเติมทีละนิด และพอเติมแล้วต้องหาเทปกาวมาปิดช่องที่เจาะเพื่อไม่ให้อากาศไหลเร็วเกินไป


อีกอย่างนึง น่าจะมาจากหัวพ่นหมึกรูกว้างกว่าปกติ ข้อดีคือหัวไม่ค่อยตัน พิมพ์เร็ว ข้อเสียคือพิมพ์ได้หยาบกว่าพวกหัวละเอียดๆ และที่เป็นภัยกับการติดตั้งอิ๊งค์แท้งค์ก็คือ ถ้าวางแท้งค์ต่ำก็หมึกไหลย้อนกลับ ถ้าวางแท้งค์สูงก็หมึกไหลท่วมเครื่อง ต้องพอดีๆจริงๆ เท่าที่พบการแก้ปัญหาก็คือ ใส่ตัวบีบสายหมึกขั้นกลางเอาไว้ (เจ้าตัวนี้เขามีไว้รัดสายไม่ให้หมึกไหล เวลาจะเคลื่อนย้ายหรือขณะที่กำลังประกอบ เลื่อนไปด้านนึงจะรัดสาย อีกด้านจะคลายตัวออก) แล้วปล่อยหมึกให้ไหลมาเพียงครึ่งเดียว หรือพอที่จะใช้งานจริงๆ (คงกะยากน่าดู) ส่วนผมใช้แท้งค์ 100 CC. แต่ใส่แค่ครึ่งเดียว แรงดันจะได้ไม่มาก จริงเท็จไม่รู้ครับ เสิร์จเจอก็เลยลองดูบ้าง


สายส่งหมึก ให้วิ่งเข้าด้านขวา แล้วไปเหวี่ยงอยู่ด้านซ้ายอย่างที่ผมทำไว้ดีที่สุดแล้ว เคยลองเข้าซ้ายแล้ววิ่งทางขวา ปรากฏว่าเครื่องฟ้องว่าตลับติดขัดอยู่บ่อยๆ คือเจอความตึงหรือสายหมึกไปดันๆรั้งๆอยู่นิดเดียวก็ฟ้องแล้ว สุดท้ายต้องแก้มาไว้ตามรูป ไม่มีปัญหาอีกเลยครับ ส่วนตัวแท้งค์นั้น จะวางซ้ายหรือขวาก็ได้ถ้าสายส่งหมึกยาวพอ เพราะสามารถเอาสายหมึกลอดใต้ถาดรับกระดาษไปได้


ส่วนการติดแท้งค์ ตลับแถมจะให้ผลดีที่สุด ดีซะจนผมไม่กล้าไปแตะต้องมันอีก เพราะมีเครื่องนึงเจอปัญหาไม่ยอมรับตลับ ไม่รู้ว่าล็อคหรืออย่างไร ซื้อไปใส่ให้ใหม่ก็ไม่รับเหมือนกัน ใช้ได้แต่ตลับดำอย่างเดียว คือถ้าจะซื้อตลับจริงมาใช้ ต้องรีบซื้อแล้วเปลี่ยนทันที ถ้าถอดเข้าถอดออกบ่อยๆ พอมันล็อคแล้วจะล็อคเลย ยังหาวิธีปลดล็อคไม่ได้ครับ


วันนี้(15 พ.ค. 2554) ซื้อมาใช้ส่วนตัวที่บ้านอีกเครื่อง เนื่องจากเครื่องเดิมเล็กและเบาไปหน่อย แมวมานอนแล้วบิดขี้เกียจ ร่วงพื้นทั้งเครื่องทั้งหมึกกระจายเลยทีเดียว กรรมจริงๆ...เสียดายตลับ #21, 22 มาก เพราะว่ามันทนเหลือหลาย ใช้เป็น 2-3 ปีไม่ยอมพังสักที


ไว้มีอะไรเพิ่มอีกก็จะแวะมาอัพเดทไว้ ขอให้ใช้งานกันให้คุ้มค่าครับผม...สวัสดีครับ 


เคดิตจาก http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=loongmit&month=13-03-2011&group=10&gblog=44

INKTANK กับตลับ HP#22 แบบไม่ไหลย้อนกลับ

ถือว่าเป็นภาค 2 ของบล็อกที่แล้ว เมื่อผมยำตลับเบอร์ 22 ของ HP ซึ่งเป็นตลับที่แถมมากับปริ๊นเตอร์ D2460 โดยใช้ทั้งการฉีดหมึก การใส่อิ้งค์แท้งค์(แบบเจาะรูผิด) รวมทั้งการเอาสายยาง ไปสวมต่อกับปลายข้องอ คล้ายๆกับข้องอแบบมีเข็ม ฯลฯ


ฟองน้ำภายในคงจะกระทบกระเทือนมากพอสมควร เนื่องจากที่ผมเอาสายยางไปสวมเพิ่มความยาวของข้องอนั้น พอเสียบลงไปในฟองน้ำ สายยางเกิดพับตัว ใช้งานไม่ได้ ก็ต้องดึงออก ลองไปลองมา ปรากฏว่าฟองน้ำในช่องสีแดงไม่ยอมอุ้มน้ำหมึก พอเห็นแววว่าจะเลอะเทอะไปกันใหญ่ อาจจะลามไปถึงแผ่นเมนบอร์ดด้านล่างเสียเปล่าๆ เลยตัดสินใจปลดประจำการ


ไปถอยตลับเบอร์ 22 มาใหม่ คราวนี้เป็นตลับเต็ม (ราคาเกินครึ่งพัน...ใจหายวาบ!)พร้อมกับสั่งข้องอแบบมีเข็มมาด้วยเลย


มาดูตลับเบอร์ 22 กันก่อน หน้าตาของเดิมๆเป็นอย่างนี้





ตำแหน่งของช่องอากาศ จะเป็นดังนี้





สีหมึกของแต่ละช่อง ก็ตามที่ผมให้สีไว้ (ไม่ได้เรียงตามสติ๊กเกอร์ของตลับนะ...ตกม้าตายมาหลายคนแล้ว!)


ความพิเศษของช่องที่ 1,4,5 ก็คือ เขาได้ "เซาะ" ร่องที่มีความลึกเล็กน้อย สลับไปสลับมาไปบรรจบกับช่องแต่ละช่อง เพื่อจุดประสงค์ที่ว่า เมื่อปิดสติ๊กเกอร์ของตลับลงไปแล้ว อากาศจะสามารถวิ่งเข้าไปยังช่อง 1,4,5 ได้ เพื่อไปแทนที่น้ำหมึกที่ถูกใช้ไปนั่นเอง


ส่วนช่อง 2 และ 3 นั้น ทำท่าเซาะร่องไว้เหมือนกัน แต่ไม่ไปบรรจบกับปากช่อง คงเหลือเป็นพื้นที่เรียบๆรอบรูเจาะไว้เล็กน้อย


ช่องหมึกสีเหลือง จะเจาะออกมา 2 รู คือ 2 และ 4 
ช่องหมึกสีน้ำเงิน จะเป็น 3 และ 5 
สีแดงเป็นรู 1 ซึ่งมีรูเดียว ไม่มีปัญหา...


สาระสำคัญของการทำ INKTANK คือจะต้องไม่มีอากาศรั่วไหลที่ใดๆได้ นอกจากรูของช่องเล็กๆที่แท้งค์หมึกเท่านั้น


ดังนั้น จุดที่จะต่อกับฐานยางเพื่อเสียบข้องอของสายส่งน้ำหมึก ผมจึงเลือกใช้ 1,4,5 โดยต้องปิดรู 2 และ 3 ให้สนิท


หลังจากไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ(หรือมักง่าย) ผมลงความเห็นว่า ผมควรจะเปิดสติ๊กเกอร์เฉพาะรูที่ต้องการใช้ดีกว่า กาวที่ติดมาจากโรงงานน่าจะแน่นหนาอยู่แล้ว ว่าแล้วผมก็จัดการใช้คัทเตอร์กรีดสติ๊กเกอร์ แบ่งส่วนออกมาได้หน้าตาดังนี้





คือตรงกลาง บริเวณรู 2 และ 3 ผมปล่อยสติ๊กเกอร์ปิดไว้อย่างเดิม ลอกออกเฉพาะส่วนบนและส่วนล่าง หลังจากนั้นก็จัดการเสียบฐานยาง เสียบข้องอลงไป แล้วก็ทดลองพิมพ์ (ลืมบอกไปว่า ผมได้เตรียมแท้งค์หมึก และเดินน้ำหมึกเข้าสายไว้เรียบร้อยแล้ว)


ปรากฎว่าพิมพ์ได้ เพราะหมึกเดิมในตลับยังมีอยู่ แต่พอหยุดพิมพ์ น้ำหมึกจะไหลย้อนลงมา เห็นเป็นช่องว่างในสายหมึก อยู่ประมาณ 1 ซม.


พอสั่งพิมพ์ หมึกก็จะถูกดูดเข้ามาเต็มสาย แต่พอหยุดพิมพ์ ก็ไหลย้อนลงไปที่เดิมทุกที นี่คืออาการของอากาศเข้าไปในระบบได้...!


ทุกจุด ผมมั่นใจว่าไม่มีรั่วไหลแน่ๆ จุดเดียวที่เป็นไปได้ก็น่าจะเป็น บริเวณรู 2 และ 3 ที่มีสติ๊กเกอร์โรงงานปิดอยู่เท่านั้น


หลังจากไตร่ตรองด้วยความรอบคอบ(อีกครั้ง)ผมจึงตัดสินใจ ลอกสติ๊กเกอร์ออกทั้งหมด แล้วตัดเทปพันสายไฟสีดำ ให้ได้ขนาดพอเหมาะ นำไปปิดแทน โดยพยายามปิดให้สนิทที่สุด คลึกแล้วคลึงอีกจนแสบนิ้ว โดยเฉพาะ บริเวณขอบๆรูที่เป็นพลาสติคเรียบๆ ต้องเน้นเป็นพิเศษ ได้หน้าตาออกมาดังนี้





ว่าแล้วก็จัดการสั่งพิมพ์อีกที และอีกที และอีกที... ใช้ได้แล้ว ไม่มีการไหลย้อนกลับให้เห็นอีกเลย


ทิ้งไว้ 2 ชั่วโมง พอใกล้จะลืมๆก็มาดูอีกที ก็ยังไม่มีการย้อนกลับ ทดลองพิมพ์ดู็ก็ออกครบถ้วนดี


ปิดเครื่อง-นอน-ตื่นมาตอนเช้า เปิดร้าน 9.00 น. ผ่านมา 7-8 ชั่วโมง ก็ยังไม่มีการไหลย้อนกลับใดๆ งานนี้ถือว่าผ่านแล้วครับ


Printer HP กับประสบการณ์อิ๊งค์แท้งค์
ที่บ้านผมใช้ D2460 ส่วนที่ทำงานมี 3745 และรุ่นอื่นๆที่หน้าตาคล้ายๆกัน ผมจับใส่อิ๊งค์แท้งค์ไปแล้ว 3 เครื่อง เนื่องจาก HP เป็นรุ่นที่ได้รับคำเตือนว่า ยุ่งยากและไม่คุ้ม ผมก็เลยต้องหาข้อมูลมากเป็นพิเศษ ซึ่งก็ยังไม่ 100% ที่เดียวนัก ต้องผ่านไปสักเดือน2เดือนจึงจะสรุปได้


มีอยู่ชุดหนึ่ง ที่ผมใช้แท้งค์แบบนี้

แท้งค์แบบนี้ จะใช้พื้นที่ทั้งหมดเก็บน้ำหมึก แต่จะทำ "ท่อ" กลมๆไว้ตรงกลาง เวลาใช้งาน จะปิดจุกใหญ่เอาไว้ แล้วเปิดจุกเล็ก คือเปิดท่อกลมๆตรงกลาง เพื่อให้อากาศดันน้ำหมึกไว้ในระดับหนึ่ง ตามหลักการแล้ว ตรงที่ผมชี้ "ระดับอ้างอิง" ไว้นั้น จะต้องอยู่ต่ำกว่าปลายข้องอ หรือบริเวณส่วนล่างของหัวพิมพ์ในเครื่อง


ตามหลัก(อีกที) ระดับน้ำหมึกทั้งหมด "น่าจะ" สูงเลยระดับอ้างอิงขึ้นมาได้ แต่ระดับน้ำหมึกในท่อกลมๆนั้น จะอยู่แค่ประมาณปลายๆท่อดังรูป


แต่พอเติมหมึกเข้าไปในแท้งค์แล้ว หมึกมีความทึบแสงพอสมควร ผมเลยไม่รู้ว่า ท่อกลมๆนี้ สามารถรักษาระดับแรงดันไว้ได้หรือเปล่า


ซ้ำร้าย...ถ้าปริมาณน้ำหมึกในแท้งค์ สูงเกินส่วนล่างของหัวพิมพ์ หมึกจะล้นออกหัวพิมพ์ทันที ไม่สามารถพิมพ์งานได้เลย


จึงขอสรุปเป็นการส่วนตัวว่า ถ้าเป็นแท้งค์ทรงตามรูปข้างบน ต้องไม่ให้ระดับน้ำหมึกทั้งหมด สูงเกินกว่าหัวพิมพ์ครับ


เมื่อสั่งแท้งค์รุ่นต่อไป ผมจึงเปลี่ยนมาใช้แบบรูปข้างล่างนี้ (แบบเดียวกับที่ใช้ที่บ้านอยู่ก่อนแล้ว)

แบบนี้แบ่งตัวแท้งค์เป็นช่องเล็กกับช่องใหญ่ การใช้งานปกติจะปิดช่องใหญ่ แล้วเปิดช่องเล็กไว้ ระดับหมึกในช่องใหญ่สูงเท่าไรก็ได้ ส่วนระดับหมึกในช่องเล็กนั้น ถ้าระบบไม่รั่ว น้ำหมึกจะถูกอากาศดันเอาไว้ที่เรี่ยๆพื้นแค่นั้น (ประมาณ 0.5 เซ็นต์)ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งผมว่า ง่ายต่อการตรวจสอบ เพราะวันนี้อาจดูดีไม่มีรั่ว แต่วันต่อๆไปก็ไม่แน่เหมือนกัน


ระดับตรงช่องเล็กนี้ จะต้องไม่สูงเกินส่วนล่างของตลับหมึกที่ติดตั้งอยู่ในเครื่อง มีผู้แนะนำไว้ว่า ให้ต่ำกว่าส่วนปลายของข้องอ ที่เสียบลงไปในตลับหมึก 1 นิ้ว แต่ผมว่า มองจากส่วนล่างของตลับก็ได้ คือให้ต่ำกว่าส่วนล่างของตลับหมึกประมาณ 1 นิ้วเข้าไว้

และแท้งค์แบบหลังนี้ น่าจะเหมาะกับ HP นะ ผมว่า เพราะใช้มาระยะหนึ่งแล้ว ยังไม่มีปัญหาใดๆเลย ก็ต้องรอดูกันต่อไป...


เพิ่มเติมครับ
ที่ทำงานได้ถอย HP1560 มา 1 ตัว พร้อมตลับ #21 และ #22 หน้าตาแบบนี้อีกแล้วครับ รู้สึกว่า HP จะออกมาหลายรุ่นทีเดียว ก็ไม่รู้ว่าแตกต่างกันอย่างไร ที่ทำงานผมก็ซื้อได้ซื้อดี 4-5 ตัวเข้าไปแล้ว(แต่ไม่ได้ซื้อพร้อมกัน) ครบรุ่นซะแล้วมั้ง

คราวนี้ไม่ให้พลาด จัดการทำ INKTANK ใส่กับตลับแถม #22 ทันที ข้อดีของตลับแถมก็คือ มีเฉพาะรู 1, 4, 5 ครับ ไม่ต้องห่วงเรื่องอากาศจะเล็ดลอดเข้าไปได้ ติดตั้งและทดสอบแล้วราบรื่นมาก ณ วันนี้ 13 พ.ย. 2551 เริ่มใช้งานครับ เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะจะกลับมารายงานครับผม สวัสดีครับ...


เคดิต http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=loongmit&month=08-11-2008&group=9&gblog=42

วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ธุรกิจเปิดร้านถ่ายเอกสาร ลงทุน 120,000 บาท เปิดร้านได้เลย

ธุรกิจเปิดร้านถ่ายเอกสาร ลงทุน 120,000 บาท เปิดร้านได้เลย

ธุรกิจเปิดร้านถ่ายเอกสาร ลงทุน 120,000 บาท เปิดร้านได้เลย
รายละเอียด :
ธุรกิจถ่ายเอกสาร ลงทุน 120,000 บาท เปิดร้านได้เลย
เราคือมืออาชีพในธุรกิจร้านถ่ายเอกสาร รับจัดทำร้านถ่ายเอกสารให้บริการลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยเงินลงทุนเพียง 120,000 บาท ท่านก็สามารถเป็นเจ้าของธุรกิจถ่ายเอกสารได้ทันที บริการรวดเร็วทันใจ เปิดร้านได้ใน 3 วันเป็นอย่างช้า และด้วยเงินลงทุนที่ต่ำทำให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆได้เป็นอย่างมาก เพราะอุปกรณ์ที่เราจัดให้มีครบครันพร้อมให้บริการลูกค้าในทุกรูปแบบเพื่องานถ่ายเอกสารระบบดิจิตอลครบวงจร
สนใจติดต่อ คุณชัยชนะ โทร 083-5113556

โดยรายละเอียดอุปกรณ์ที่จัดให้มีดังนี้
1.เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ CANON IR3320I ระบบดิจิตอลเป็นเครื่องถ่ายเอกสาร multifunction สามารถ Print / Scan / Copy / Fax ,ความเร็ว ในการถ่ายเอกสาร 33แผ่น/นาที ,ความละเอียดในการถ่าย 1200 x 600 dpi ระดับความสีดำได้ 256 ระดับ ,สามารถถ่ายสำเนาเอกสารกระดาษ A5 – A3 ,ย่อ-ขยาย ได้ตั้งแต่ 25-800% ,มีอุปกรณ์ป้อมต้นฉบับอัตโนมัติ (RDF) ,ตลับป้อนกระดาษจุได้ 500 แผ่น 4ถาดและถาดป้อมมือจุกระดาษได้ 50 แผ่น ,สามารถกดจำนวนการถ่ายได้ตั้งแต่ 1-999 แผ่น ,สามารถใช้ถ่ายต้นฉบับ โดยใช้ฝาฝีดกระดาษ RDF โดยไม่ต้องเปิดถ่ายทีละแผ่นเป็นเครื่องถ่ายเอกสารระบบดิจิตอล อ่านต้นฉบับ ครั้งเดียวและสามารถถ่ายได้โดยหลอดภาพไม่ต้องสแกนอีก,หลอดส่องต้นฉบับเป็นแบบ หลอดฟลูออเรสเซ้นต์ถ่ายเอกสารได้ 2 หน้าภายในตัวเครื่องเอง,สามารถจัดเรียงเอกสารได้ไม่น้อยกว่า 99 ชุดระบบผงหมึกแห้ง สามารถถ่ายงานได้มากกว่า 15,000 แผ่น ที่น้ำหนักหมึก 500 gควบคุมการทำงานด้วยจอแบบสัมผัส LCD Display ,บอกตำแหน่งเวลากระดาษติดที่หน้าจอ LCD ซึ่งง่ายต่อการนำกระดาษออกจากเครื่องเมื่อกระดาษติด,แม่พิมพ์ภาพ ใช้งานได้ถึง 55,000 แผ่น ,สามารถถ่ายเอกสารต่อเดือนได้ถึง 120,000 แผ่นใช้เวลาอุ่นเครื่อง 29 วินาที,ความจุแรม 128 MB และ HDD 5.1GB (เก็บต้นฉบับได้ประมาณ 4,000 หน้า),น้ำหนักเครื่อง 80 kg
2.คอมพิวเตอร์จอ LCD 15” ,CPU 3.20 GHz ,RAM 512 , HD 60 GB , การ์ดจอ NVIDIA GeForce FX 5600 ,การ์ดเสียง CREATIVE “Sound Blaster Audigy” , DVD COMBO , ลำโพงซัพวูพเฟอร์ กล้องเว็บแคม
3.เครื่องปริ้นท์เตอร์ ( ติดแท้งค์เรียบร้อย ) เป็นทั้งสแกนเนอร์ แฟ็กซ์ และสามารถ ถ่ายเอกสารสี-ขาวดำ ได้ในตัว
4.แฟ็ก ( ใช้กระดาษ A4 )
5.เครื่องเข้าเล็มกระดูกงู ขนาด A4 พร้อมสันกระดูกงูขนาดต่างๆ กว่า 50 อัน
6.เครื่องเคลือบบัตร ขนาด A3 (สามารถเคลือบได้ตั้งแต่รูปขนาด 1 ซม. จนถึง ขนาด A3 )
7.แท่นตัดกระดาษ
8.โต๊ะทำงาน ,โต๊ะคอม ,โต๊ะเข้ามุม , เก้าอี้แบบเอนหลัง รวม 6 ตัว
9.ตู้กระจกโชว์สินค้าหน้าร้านแบบ3 ชั้น
10.พร้อมทำสติกเกอร์ประตูกระจกหน้าร้านให้เรียบร้อย( ในกรณีที่มีประตูกระจก )
11.ป้ายตั้งหน้าร้าน , ป้ายไวนิลหน้าร้าน , ป้ายไวนิลรายละเอียดงานในร้าน รวม 3 ป้าย
12.พร้อมเครื่องโทรศัพท์,โมเด็มเเลนด์ , Switch lan 5 ช่อง , สายแลนด์ ครอบชุด
13.กระดาษปกแบบต่างๆกว่า 30 แบบ
14.สันรูดขนาดต่างๆกว่า 100 อัน
15.กระดาษ A4 , A3 , F14 รวมกว่า 30 ริม
16.อุปกรณ์เข้าเล่มสำหรับงานเอกสารอีกหลายชุด
17.แผ่นใสถ่ายเอกสาร
18.พลาสติกเคลืบบัตรขนาดบัตรประชาชน – A4
19. แม็กเย็บสันขนาด 1.5 นิ้ว ( เล่มใหญ่ ) และแม็กขนาดต่างพร้อมลูกครบชุด
20.แล็กซีนเข้าเล่มกว่า 20 ม้วน
21.และอื่นๆอีกมากมาย
หมายเหตุ (ถ้าอยู่นอกเขตสงขลา ต้องเสียค่าขนย้ายเพิ่ม5,000บาท )

สำหรับร้านค้าเปิดใหม่สนใจที่อยากเริ่มต้นธุรกิจด้วยตนเอง
สำหรับร้านค้าเปิดใหม่ ที่อยากเริ่มต้นธุรกิจด้วยตนเอง เรามีทีมงานปรึกษามี ทีมงานคอยแนะนำจนเป็นสามารถไปประกอบอาชีพได้ 100 % ทางบริษัทจึงได้จัดชุดเฉพาะร้านที่เปิดใหม่
การแนะนำการทำงาน จนสามารถยืนได้ตัวเอง จะทำการวิเคราะห์ก่อนว่าสถานที่น่าลงทุนรึเปล่า ถ้าไม่คุ้มที่จะลงทุนทางเราจะไม่แนะนำให้ทำ
ต้องการคนที่สนใจที่จะทำจริงๆทำในครอบครัว ไม่ต้องจ้างลูกจ้าง การอบรมในสถานที่จริง ทำงานจริงเป็นภายใน 4 สัปดาห์ ด้วยประสบการณ์ทำงานมากกว่า 7 ปี

แนะนำต้องแจ้งล่วงหน้า หรือโทรปรึกษาก่อนตัดสินใจ
โทรปรึกษากับทีมงานของเรา คุณชัยชนะ โทร 083-5113556


ตัวอย่าง ร้านที่จะเข้าอบรมเพื่อปฏิบัติงาน

รับผลิตน้ำหมึกOEM น้ำหมึกเติมแบรนด์ท่านเอง ออกแบบฉลากสินค้าฟรี

รับผลิตน้ำหมึกOEM น้ำหมึกเติมแบรนด์ท่านเอง ออกแบบฉลากสินค้าฟรี สำหรับเครื่องพิมพ์อิงค์เจ็ต (Inkjet) หลายยี่ห้อ โดยใช้ตราสินค้าของท่านเอง (OEM)


รับผลิตน้ำหมึกตามออเดอร์ โดยท่านสามารถเลือกรายการสินค้าน้ำหมึกได้จากหน้าหมึกเติม masterink นำมาผลิตเป็นแบรนด์ของท่านเอง โดยทางบริษัทจะไม่มีการเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า มีบริการออกแบบฉลากสินค้าฟรี พร้อมทำฉลากให้ตามความต้องการ และมีบรรจุภัณฑ์ให้เลือกมากมาย อีกทั้งยังมีบริการรับบรรจุน้ำหมึก ด้วยน้ำหมึกและบรรจุภัณฑ์ของท่าน หรือเลือกบรรจุภัณฑ์จากเรา ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย พร้อมห้องแบ่งบรรจุโดยเฉพาะ สะอาด รวดเร็ว และได้มาตรฐาน
น้ำหมึกคุณภาพมาตรฐานขั้นสูงระดับโลกที่มีชื่อเสียงใน KOREA และ USA เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพ โดยทางบริษัทจะนำมาจัดทำเป็นแบรนสินค้าของเราเองเพื่อให้ลูกค้าสะดวกในการ เลือกซื้อ และตั้งเป้าส่งออกไปยังต่างประเทศ เนื่องจากทางบริษัทมียอดนำเข้าสินค้าเป็นจำนวนมากจึงทำให้มีต้นทุนสิค้าที่ ต่ำ โดยควบคู่ไปกับสินค้าที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน



OEM ย่อมาจาก Origianl Equipment Manufacturer หมายถึงการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับแบรนด์ต่าง ๆ ตามแบบที่ลูกค้ากำหนด โดยใช้การผลิตของเรารวมถึงเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตด้วย

รายละเอียดการรับผลิตน้ำหมึกเติม CANON,EPSON,HP,BROTHER,LEXMARK
-บริการออกแบบฉลากสินค้าฟรี พร้อมทำฉลากให้ตามความต้องการ
-ขนาด 100 ml. ขวดพลาสติกกลมใส พร้อม เข็ม / สลิ้งค์ ทุกขวด (กรณีสั่งผลิตเป็นขวดพลาสติกแบบอื่นเสนอราคาก่อนสั่งทำ)
-แยกยี้ห้อได้ชัดเจน CANON,EPSON,HP,BROTHER,LEXMARK

การออกแบบฉลาก น้ำหมึกเติม
-ให้ท่านแจ้งรายละเอียด ชื่อแบรนด์ตราสินค้าของท่าน (OEM) โลโก้ หรือ รูปแบบฉลาก
- ทางเราจะทำการออกแบบฉลาก และส่งแบบไปทาง E-mail ของท่าน
- เมื่อท่านได้รับแบบฉลากแล้ว ท่านสามารถเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข ฉลากได้ โดยแจ้งรายละเอียดตอบกลับไปทาง E-mail
- ทั้งนี้จะมี ค่ามัดจำ การออกแบบฉลาก 30% โดยโอนชำระตามวิธีการชำระเงิน ( เนื่องจากมีหลายท่านที่ให้ออกแบบแล้วไม่ทำการสั่งซื้อ ทำให้ทางเราเสียเวลา จึงต้องมีการมัดจำการออกแบบฉลาก )
การสั่งซื้อน้ำหมึกแบรนด์ท่านเอง
- ท่านต้องโอนชำระยอดการสั่งซื้อ ที่เหลือ และแจ้งการชำระเงิน ทางเราจะทำการผลิตและจัดส่งสินค้าให้ต่อไป
- สินค้าน้ำหมึกสั่งผลิต จะจัดส่งได้ทาง พัสดุไปรษณีย์ และขนส่งเอกชน ตามที่บริษัทกำหนด
-การสั่งผลิตน้ำหมึก เฉพาะขนาด 100 ml. ขั้นต่ำ 100 ขวด สามารถคละสีคละยี่ห้อได้
Canon 4 สี BK-C-M-Y
Epson 6 สี BK-C-M-Y-LM-LC
Hp 4 สี BK-C-M-Y
Brother 4 สี BK-C-M-Y
Lexmark 4 สี BK-C-M-Y
ไม่อุดตันเนื่องจากมีกรรมวิธีในการผลิตสูง มีความ ละเอียดสูงถึง 0.1 ไมครอน ซึ่งเป็นค่าที่ละเอียดมา
ข้อมูลน้ำหมึก www.masterinkjet.com/index.php
ติดต่อสอบถามเสนอราคา
บริษัท มาสเตอร์อิงค์แอนด์พริ้นติ้ง(ประเทศไทย)จำกัด
เลข ที่ 97/4 ถนนราษฏร์ยินดี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา 90110
โทร 074-356385 แฟกซ์ 074-234658 มือถือ ,080-7161217, 086-4911541
Email: masterink007@hotmail.com www.masterinkjet.com
โทรศัพท์ภายใน โทร. 074-356385 (AUTO)
กด 11 ฝ่ายบัญชี-การเงิน
กด 12 ฝ่ายขาย/สมัครตัวแทนจำหน่าย
กด 13 แผนกช่าง(ฝ่ายบริการลูกค้า)
มือถือติดต่อสอบถามรายละเอียดสินค้า โทร 080-7161217,โทร 086-4911541
เวลาทำการ จันทร์-เสาร์ เวลา 08.30-17.30 น. ทุกวัน (หยุดวันอาทิตย์)

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การดูแลรักษาเครื่องพรินเตอร์

การดูแลรักษาเครื่องพรินเตอร์

1. ควร จะสั่งพิมพ์งานอย่างน้อยอาทิตย์ละ ครั้งเพื่อให้เครื่องพรินเตอร์ได้ทำงานบ้าง หมั่นทำความสะอาดเครื่องพรินเตอร์ และหัวพิมพ์ประมาณ 2-3 อาทิตย์ ต่อครั้งเพื่อกำจัดฝุ่นละอองและผงที่ตกอยู่ในเครื่องพรินเตอร์ เพราะจะทำให้งานพิมพ์ที่ได้คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร
2. ปัญหางานพิมพ์เสียเพราะเครื่องพรินเตอร์แบบนี้มักมีสาเหตุมาจากหมึกพิมพ์แห้งเป็นคราบติดอยู่ภายในหัวพิมพ์หรือภายในท่อฉีดน้ำหมึก (Nozzle) แล้ว จึงกลายเป็นเหมือนตัวสกัดกั้นไม่ให้น้ำหมึกไปสัมผัสกับกระดาษ การให้พรินเตอร์พิมพ์งานที่ใช้หมึกสีและหมึกดำทุกๆ สัปดาห์เป็นอย่างน้อยจะช่วยแก้ปัญหานี้ได้
คำแนะนำ คือ ควรเปิดเครื่องพรินเตอร์สัก 1 ครั้ง ต่อสัปดาห์ เพื่อให้หัวพรินเตอร์ตรวจสอบความพร้อมของหมึกพรินเตอร์ หัวพรินเตอร์จะฉีดหมึกใหม่เข้าไปไล่หมึกเก่าเพื่อป้องกันการอุดตันของหมึก และควรทดสอบการพิมพ์ อย่างน้อยเดือน 1-2 ครั้ง เพื่อให้งานพิมพ์ออกมาดีอยู่เสมอ
*** สำหรับ EPSON ไม่ควรสั่งล้างทำความสะอาดหัวพิมพ์ติดต่อกันหลายๆครั้ง ให้สั่งล้างเพียง 1-2 ครั้ง กรณีผลทดสอบการพิมพ์ (Nozzle Check) ยังไม่ปกติ ให้ปิดเครื่องพิมพ์พักไว้ประมาณ 20-30 นาที แล้วจึงเปิดเครื่องและทดสอบการพิมพ์ใหม่อีกครั้ง หากพบว่ายังมีสีอุดตัน ให้ปิดเครื่องทิ้งไว้ต่ออีก การ สั่งทำความสะอาดหัวพิมพ์ติดต่อกันหลายๆครั้งไม่เป็นผลดีต่อหัวพิมพ์ และทำให้หมึกไหลย้อนกลับซึ่งทำให้เกิดปัญหากับหัวพิมพ์และมีสีเลอะเทอะ
3. หมั่นกำจัดเศษกระดาษและเศษฝุ่นผง การทำความสะอาดด้วยการเป่าเศษผงและฝุ่นออกด้วยเครื่องเป่าลมธรรมดาๆ (ย้ำว่าเครื่องเป่าลม...หาใช่เครื่องเป่าผมแต่อย่างใด) จะช่วยให้เครื่องพรินเตอร์ของเราสามารถป้อนกระดาษได้อย่างไม่ติดขัดเพราะ Roller ของมันสะอาดปราศจากสิ่งสกปรกนั่นเอง
4. การทำความสะอาด Roller ที่ ใช้ดึงกระดาษ ควรนำกระดาษหนาๆ หรือกระดาษที่สามารถซับน้ำได้ดีแล้วฉีดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีส่วนผสม ของแอมโมเนียให้หมาดๆ จากนั้นก็ป้อนเข้าไปในพรินเตอร์ซ้ำๆ ประมาณ 2-3 ครั้ง หลังจากนั้นก็ป้อนกระดาษธรรมดาเข้าไป เพื่อซับให้แห้ง เพียงเท่านี้ก็จะช่วยล้างคราบหมึกและสิ่งสกปรกที่ติอยู่บนลูกกลิ้งกระดาษ ได้แล้ว
5. ควรปิด-เปิดเครื่องพิมพ์ด้วยสวิตซ์ ดีกว่าถอดปลั๊กไฟ การปิด-เปิด เครื่องพิมพ์ควรทำที่สวิตซ์ของเครื่องเสมอ เพราะ เครื่องพิมพ์จะเก็บและทำความสะอาดหัวหมึกหลังจากกดสวิตซ์ปิดที่ตัวเครื่อง ไม่ควรใช้ถอดปลั๊กหรือปิดสวิตซ์ปลั๊กไฟเนื่องจากจะทำให้เครื่องพิมพ์เสีย เร็วขึ้น
6. หมั่นอัพเดทไดรเวอร์และซอฟต์แวร์ของเครื่องพิมพ์อย่างสม่ำเสมอ เพราะซอฟต์แวร์ (รวม ไปถึงไดรเวอร์) ใหม่ๆ จะถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นจากเวอร์ชันก่อนๆ และในบางครั้งก็มีฟีเจอร์ใหม่ๆเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานอีกด้วย
7. ไม่ควรนำหมึกต่างยี่ห้อมาเติม แน่นอนว่าถึงจะพรินต์ได้ก็จริง แต่จะทำให้ตลับหมึกอุดตันได้รวดเร็วขึ้น แถมหมึกเติมที่ไม่ได้คุณภาพอาจทำให้หัวพิมพ์เสียหายได้อีกด้วย
8. ควรเปลี่ยนน้ำหมึก เมื่อมันเตือนว่าหมดหลายคนยังฝืนที่จะพิมพ์ต่อถึงแม้ว่าไดรเวอร์ของเครื่องพิมพ์จะขึ้นเตือนว่าหมึกหมดแล้วก็ตาม อย่างเช่น ในกรณีที่หมึกสีหมดแต่ก็ยังจะฝืนพิมพ์งานขาว-ดำ ต่อ เพราะคิดว่าหมึกดำยังเหลือ ไม่ได้ใช้หมึกสีก็ไม่น่าจะเป็นอะไร แต่ในความเป็นจริงถึงแม้ว่าหมึกพิมพ์สีจะไม่ได้ใช้ แต่ความร้อนที่หัวพิมพ์ก็ยังคงมีอยู่ ยิ่งเมื่อเราฝืนพิมพ์จะทำให้ความร้อนที่หัวพิมพ์เพิ่มมากขึ้น เพราะ ไม่มีน้ำหมึกมาหล่อเลี้ยง ซึ่งอาจมีผลให้เครื่องพิมพ์เสียหายได้ สำหรับเครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ตรุ่นใหม่ๆ จะป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ฝืนพิมพ์ต่อเมื่อหมึกสีใด สีหนึ่งหมด ด้วยการไม่รับงานพิมพ์ใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะเปลี่ยนหมึกตลับใหม

ขอบคุณบทความจาก : คานาอัน สแตมป์เปอร์

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิธีพิมพ์รูปถ่ายให้สีสวยสดใสกับ HP Printer

วิธีพิมพ์รูปถ่ายให้สีสวยสดใสกับ HP Printer
ในที่นี้จะยกตัวอย่างการพิมพ์โดยใช้ HP C4480 ซึ่งเป็นรุ่น Photosmart
อนึ่งหน้าตา Driver ของเครื่องพิมพ์แต่ล่ะรุ่นจะแตกต่างกัน
แต่ถ้าเป็นรุ่น Photosmart (รุ่นเน้นพิมพ์รูปถ่าย) หน้าตา driver ก็จะคล้ายกัน

สำหรับท่านที่ใช้รุ่นอื่น ไม่ต้องเป็นกังวล
เพราะ HP C4480 ที่ผมใช้นั้น ใช้ตลับหมึกเบอร์ 74-75
ซึ่งยังเป็นเทคโนโลยีเก่า ความละเอียด 4800 x 1200 dpi เอง
ในขณะที่ HP รุ่นใหม่เป็นระบบ Dual Drop 1.3 pl ความละเอียดจะมากกว่า
ดังนั้นย่อมพิมพ์รูปได้สวยงามกว่าเครื่องรุ่นโบราณของผมแน่นอน
นอกจากนี้อายุใช้งานของ C4480 ปาเข้าไป 6 พันกว่าใบแล้ว
ตลับหมึก 74-75 ผ่านงานหนักมาอย่างโชกโชน พิมพ์งานรวดเดียวพันใบก็เคย

แม้จะผ่านงานหนักมา แต่เมื่อถึงเวลาพิมพ์รูปถ่าย
หากเรา set ให้ถูกวิธี ก็จะได้รูปถ่ายสวยงามจนน่าประหลาดใจ

วิธี set มีดังนี้ครับ
==========

1. เข้าไปที่ driver ของเครื่องพิมพ์ หรือหน้า Printing Preferences
2. เมนูแรกสุด(ซ้ายมือสุด) คือ Advance เข้าไป set over spray ให้สูงสุด
3. ยังคงอยู่หน้า Advance เข้าไป set ink volume ให้ Heavy หรือ Heviest
4. ยังคงอยู่หน้า Advance เข้าไป set Max Dpi ให้ Enabled
5. ไปยังหน้า Features set กระดาษเป็น HP Premium Plus Photo Papers
6. ยังคงอยู่หน้า Features ข้างล่างสุด set เป็น Full "RLT" Photo Fix
7. ยังคงอยู่หน้า Features ให้ set quality เป็น Maximum Dpi

ใส่กระดาษ glossy ยี่ห้ออะไรก็ได้ ถูก ๆที่ขายอยู่ตามห้าง
ตั้งขนาดกระดาษ 4x6 สั่งพิมพ์ แล้วท่านจะประหลาดใจกับงานพิมพ์ที่ได้





http://www.bloggang.com/

วิธีเติมหมึกตลับ HP

วิธีเติมหมึกตลับ HP

วิธีเติมหมึกตลับ HP 21-22, 27-28, 56-57, 60, 74-75, 95-96-97-99-564-703-901ฯลฯ
=====================================================

clip โชว์ขั้นตอนการตัดไฟ-ถอดตลับ-เติมหมึก-ใส่ตลับกลับคืน (ตลับดำเบอร์ 74 เครื่องพิมพ์ HP Photosmart C4480)
http://www.youtube.com/watch?v=VadYqZxA65s

Clip วิธีเติมหมึกตลับสีเบอร์ 901 ของเครื่อง HP Officejet J4660
http://www.youtube.com/watch?v=Mqn3gpfPLCc

* * * เครื่อง HP เมื่อเติมหมึกใช้งาน ไม่ต้องสนใจไฟเตือนระดับหมึกอีกต่อไป เติมบ่อย ๆไฟเตือนจะดับไปเอง * * *


ในที่นี้จะยกตัวอย่างเครื่อง HP all in one F4185(หน้าตาคล้ายกับ F2280) ซึ่งใช้ตลับเบอร์ 21-22 ตลับเบอร์นี้จะเติมหมึกง่ายสุดครับ
เครื่องที่ใช้ตลับเบอร์ 27-28 และ 56-57 หากนำเอาตลับ 21-22 ใส่แทนก็อาจจะทำงานได้เช่นกัน






1. กดปุ่ม Power ให้เครื่องทำงาน

2. เปิดฝาด้านหน้า ตลับหมึกจะเลื่อนมาตรงกลางให้ถอด แต่อย่า ... ขอร้อง...อย่าเพิ่งถอดตลับ
(ถ้าเป็น F4280 ให้เปิดฝาด้านขวามือ ตลับจะเลื่อนมาชิดด้านขวา)

3. ดึงปลั๊กไฟ"หลังเครื่อง"ออก เพื่อตัดไฟเลี้ยง
(การกดปุ่มปิดไฟที่ปลั๊กไฟไม่เพียงพอ อาจจะยังมีไฟเลี้ยงอยู่)

ถ้าถอดหรือใส่ตลับโดยมีไฟเลี้ยงอยู่ เครื่องจะจำ ID ของตลับไว้
พอใส่กลับคืน เครื่องจะไม่รับตลับหมึก ขึ้นไฟกระพริบตัว "E"
ซึ่งตลับรุ่นเก่าอย่าง 21-22 สามารถ reset ให้กลับมาใช้ใหม่ได้
แต่ถ้าเป็นตลับรุ่นใหม่เบอร์ 60-703-901 จะ reset ไม่ได้ ซื้อใหม่อย่างเดียวเลย

4. ถอดตลับออกมาเติมหมึก ตลับเบอร์ 21(ดำ) จะมีพิมพ์คำว่า Introductory ประมาณว่าตลับแถมฟรี มีฟองน้ำนิดเดียว จุหมึกได้ 3-4 ซีซี
(ถ้าหมึกยังไม่หมดก็จะเติมได้แค่ 1-2 ซีซี)
ถ้าตลับสีจะเบอร์ 22 ตลับแถมมาพร้อมเครื่อง จุหมึกได้สีล่ะ 3-4 ซีซี เช่นกัน

ถ้าเป็นตลับ"ดำ"เบอร์ 60,703,901 ควรระวังการเติมหมึก
หากเติมมากเกินไป หมึกจะล้นไปยังห้องว่าง (ถ้าตลับ XL ฟองน้ำจะเต็มไม่มีห้องว่าง)
เวลาใส่ตลับเข้าเครื่อง หมึกที่ล้นก็จะไหลออกมาเลอะเครื่อง
ตลับดำ 60 แนะนำเติม 3 ซีซี ก็พอครับ ถ้าเติมเกินจะวุ่นวายมากมาย
ถ้าต้องการจุหมึกมากกว่านั้น ต้องซื้อ xl ครับ (60 ธรรมดาจุหมึกเท่า 60 แถม)
ผมใช้หมึกดำยี่ห้อ Smile เติม ครั้งที่ 3 จะพิมพ์ไม่ออกครับ
ต้องเอาน้ำ 20% ผสมหมึกดำเขย่าให้เข้ากัน แล้วเติมตลับ 60 ถึงจะพิมพ์ออก
(ผมลองเปลี่ยนมาใช้หมึกดำ Only one เติม ไม่ต้องผสมน้ำก็พิมพ์ออกครับ)
ส่วนตลับสี 60 แถม เติมได้แค่สีล่ะ 1 ซีซี หมึกไม่ต้องผสมน้ำครับ
ตลับสี 60 ถ้าซื้อใหม่ เติมได้สีล่ะ 3 ซีซี
ตลับสี 901 ดีกว่าหน่อย จุสีล่ะ 3 ซีซี แต่เวลาเติม 2 ซีซีก็พอ


5. เอาเข็มฉีดยาดูดหมึกเข้าหลอดช้า ๆสัก 3 ซีซี ย้ำว่าช้า ๆถ้าดูดเร็วจะมีฟองอากาศผสมในหลอด ต้องดูดใหม่
เข็มควรจะเป็นเข็มชนิดยาว 1.5 นิ้ว ถ้าสั้นจะเสียบได้ไม่ลึกพอ ทำให้เติมหมึกแล้วพิมพ์ไม่ออก
เพราะเวลาเติมต้องฉีดหมึกที่ระดับต่ำสุด แล้วระดับหมึกค่อย ๆสูงขึ้นดันฟองอากาศขึ้นมาข้างบน
สำหรับท่านที่เคยเติมหมึกตลับ Canon มาก่อน โดยหยดหมึกลงบนฟองน้ำให้หมึกซึมลงไป
วิธีนี้ใช้กับตลับ HP ไม่ได้ครับ
เพราะเครื่องพิมพ์ HP ไม่มีปั๊มดูดหมึกแบบเครื่อง Canon ครับ


6. แกะสติ๊กเกอร์ด้านบนตลับออก จะเห็นรูเติมหลายรู เติมรูที่มีฟองน้ำอยู่
(ตลับบางเบอร์เช่น 60, 703, 901 จะมีห้องว่างซี่งไม่มีฟองน้ำ ให้เติมห้องที่มีฟองน้ำ)
ถ้าตลับสีก็เอาเข็มเสียบเข้าไปแล้วมาป้ายกับกระดาษขาว จะได้รู้ว่ารูนี้เป็นรูสีอะไร
เสียบเข็มให้ลึกเกือบสุดก้น อย่าเสียบตรงกลางเดี๋ยวจะจิ้มโดนหัวพิมพ์พัง
ให้แทงเข็มไปด้านข้าง เลียบไปกับฝาด้านข้างของตลับหมึก เสียบลึกได้สุดเข็ม 1.5 นิ้วพอดี
(หัวพิมพ์อยู่ใต้แผ่นขาว ๆในรูป)
ถ้าเป็นตลับแถมเบอร์ 60,703,901 หัวพิมพ์จะอยู่ตื้นมาก
เสียบเข็ม 1.5 นิ้วไม่สุดก็เจอหัวพิมพ์แล้ว ต้องระวังให้มาก
ส่วนใหญ่มือใหม่จะจิ้มเข็มลงตรงกลางโดนหัวพิมพ์พัง ซื้อตลับใหม่ได้เลย



ปกติตลับหมึกจะมีหลายรู

ถ้าเลือกเติมรูที่ใกล้หัวพิมพ์ที่สุด จะเสี่ยงที่สุด
เพราะอาจแทงโดนหัวพิมพ์ทะลุ ถ้าไม่ชำนาญพอ
แต่ถ้าคล่อง ๆ ฉีดช้าอย่ารีบ ใส่ตลับคืนสั่งพิมพ์ได้เลยหมึกออกครบ
(กรณีพิมพ์งานเป็นร้อยใบ ต้องรีบทำเวลา)

แต่ถ้าใช้งานเองทั่วไป พิมพ์งานนิดหน่อยไม่รีบ
เติมรูที่อยู่ห่างหัวพิมพ์ก็ได้ ปลอดภัย
เสร็จแล้วสั่งล้างหัวพิมพ์ 1-2 ครั้ง ก็ใช้งานได้




7. ฉีดช้า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ยิ่งช้ายิ่งดี นับ 1-20 ช้า ๆฉีดหมดเข็มพอดี
เวลาพิมพ์หมึกจะได้ไม่ขาด เวลาล้นจะได้หยุดทัน
วิธีที่ดีที่สุดคืออย่าเติมล้น ตาจ้องมองฟองน้ำ พอฟองน้ำเปลี่ยนสีให้หยุดทันที ก็จะพอดี
เพราะถ้าหมึกล้น อาจจะล้นไปผสมกับสีอื่น (บางตลับผนังด้านในกั้นไม่สนิท จะล้นข้ามไปผสมกับสีอื่นได้)
กรณีเติมหมึกล้นให้ดูดหมึกคืน 0.5 ซีซี เพราะถ้ารอซับที่หัวพิมพ์จะนานมากกว่าหมึกจะหยุดไหล

ถ้าเป็นตลับดำเบอร์ 60 ไม่ต้องรอหมึกล้นครับ เพราะถ้าล้นจะล้นไปเก็บที่ห้องว่าง
แนะนำเติม 3 ซีซีครับ เพื่อตัดปัญหาหมึกไหลไปเข้าห้องว่างต้องดูดทิ้ง

8. เอาทิชชู่ซับตรงหัวพิมพ์ ถ้าหมึกออกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ก็ OK แต่ถ้าหมึกออกไม่ดี ก็ต้องปั๊มหัวใจช่วยชีวิต
(กรณีเสียบเข็มตรงกลางจิ้มโดนหัวพิมพ์พัง หมึกจะไม่ออกเป็นสี่เหลี่ยมแล้ว)

เอา หลอดฉีดยาเปล่า ๆไม่ต้องใส่เข็ม จ่อตรงรูเติมหมึก (รูอื่น ๆเอานิ้วอุดไว้) อัดลมเข้าไป หมึกจะทะลักออกทางหัวพิมพ์เอาทิชชู่รองไว้ก่อนก็ดี

9. ปิดสติ๊กเกอร์ หรือหาสติ๊กเกอร์ใหม่มาปิดรูกันฝุ่นเข้า หรือจะปล่อยโล่งโจ้งไม่ต้องปิดเลยก็ได้
(จะเห็นร่องลึกเป็นทางเดินอากาศ ถ้าปิดจนหมดอากาศเข้าไม่ได้ ก็จะพิมพ์ไม่ออกเช่นกัน)

10. ใส่ตลับเข้าที่เติม เสียบปลั๊กไฟ

11. กดปุ่ม Power ให้เครื่องทำงาน

12. กดปุ่ม Cancel แช่ไว้อย่าปล่อย แล้วกดปุ่มถ่ายเอกสารสี เครื่องจะพิมพ์หน้าทดสอบออกมาให้ดู ว่าสีออกครบไหม

13. หากมีตัวจุ๊บดูดหัวพิมพ์ ควรดูดหมึกออกทางหัวพิมพ์ทิ้งประมาณ 0.5 ซีซี
จะช่วยให้ตลับหมึกนั้น พิมพ์งานได้จนหมึกหมดตลับหยดสุดท้าย

วิธีคำนวณจำนวนหน้าที่ตลับหมึกสามารถพิมพ์ได้
================================
1. ถ้าพิมพ์ตัวหนังสือเต็มหน้ากระดาษ A4 จะพิมพ์ได้ 30 หน้า/หมึก 1 ซีซี
2. ถ้าพิมพ์รูป Photo เต็มหน้ากระดาษ A4 จะพิมพ์ได้ 6-7 รูป/หมึก 1 ซีซี

ปล. ถ้าใช้งานเยอะ+บ่อย ก็ต้องหาซื้อตลับใหม่ เพราะตลับใหม่ฟองน้ำเยอะจะเติมหมึกได้มากกว่าตลับ Introductory
แนะนำซื้อตลับดำ 21b ราคา 300 กว่าบาท จุหมึกได้ถึง 18 ซีซี (Max)
เอา 18 คูณ 30 เข้าไป ก็พิมพ์งานได้ 540 หน้าครับ เยอะมาก ๆ

ตลับสี 22 ราคา 600 กว่าบาท จุหมึกได้สีล่ะ 6 ซีซี (3 สีก็ 18 ซีซี)
เอา 6 คูณเข้าไป ก็จะพิมพ์รูป Photo เต็ม A4 ได้ประมาณ 36-42 รูป

ความลับของตลับ HP 21xl และ 22xl คือ มีฟองน้ำเท่ากับตลับ 21-22 ธรรมดา
เพียงแต่ตลับ xl จะเติมหมึกมาให้เต็ม ส่วนตลับ 21-22 เติมหมึกมาไม่เต็ม
ดังนั้นเราซื้อ 21-22-21B ธรรมดาก็พอ เอามาเติมหมึกก็เต็มเท่า xl
ดังนั้นใครใช้ตลับเบอร์ 21-22-21B จะคุ้มมาก

หมึกซื้อเกรดปานกลาง HP ไม่ค่อยจู้จี้เรื่องหมึกเท่าไรนัก
ราคาประมาณ freejet smile G-ink compute ฯลฯ
แต่อย่าซื้อเกรดต่ำ เห็นแก่ราคาถูกเกินไป เพราะจะพิมพ์งานได้สีที่ืจืดมาก ไม่สวย
ขวดเล็ก 50 ซีซีก็พอ น่าจะสัก 70-80 บาท อย่าลืมขอของแถม คือ เข็มฉีดยา
พอเติมคล่อง ๆก็ซื้อขวด 100 ซีซี หรือ 500 ซีซี หรือ 1,000 ซีซี


เครื่องรุ่นนี้ใส่แค่ตลับหมึกอันเดียวก็ยังคงทำงานได้ครับ
ถ้าใส่ตลับหมึกสีเบอร์ 22 ตลับเดียว จะพิมพ์ได้ทั้งสีและดำ โดยจะผสม 3 สีออกเป็นสีเทาดำ
ถ้าใส่ตลับหมึกดำเบอร์ 21 ตลับเดียว จะพิมพ์สีออกมาในโทนเทาอ่อน เทาเข้ม

ปัญหาที่ที่เจอบ่อย และควรระวัง
=====================
ผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ยอมกดถ่ายเอกสารสี
(เพราะคิดว่าหมึกสีแพง จริง ๆแล้วหมึกสีราคาเท่ากับหมึกดำ)
ทำให้ตลับหมึกสีตัน
ให้ถอดตลับสีออกมา เอาหัวพิมพ์แตะน้ำอุ่นเพื่อให้หมึกที่แข็งตัวละลาย
แล้วก็ผายปอดช่วยชีวิต ตามข้อ 8
ถ้าหมึกยังไม่ออกให้เอาตลับแช่น้ำไว้ 1 คืน
ถ้ายังไม่ออกอีก ให้ฉีดน้ำเข้าไปล้างฟองน้ำให้ขาวแล้วเติมหมึกใหม่
(อ่านใน Blog หัวข้อ หัวพิมพ์ตัน ..พิมพ์รูปมีลายขวางเป็นม้าลาย)

ผู้ใช้มือใหม่มักไม่รู้อาการหมึกหมด (พิมพ์เส้นเริ่มขาด หรือสีเพี้ยนเพราะสีใช้หมดไปสีนึง)
ปกติตลับแถมหมึกดำ จะหมดก่อนเพื่อน
ซึ่งหมึกดำต่างจากหมึกสีตรงเป็นหมึกชนิดกันน้ำ (Pigment)
ถ้าปล่อยให้หมึกดำหมดแล้วไม่รีบเติม หมึกแห้งคาตลับทำให้หัวพิมพ์ตัน
จะแก้ยาก เพราะแช่น้ำทิ้งไว้ทั้งคืนก็ไม่สามารถละลายหมึกที่ตันได้
ต้องมีอุปกรณ์ตัวจุ๊บดูด ถึงจะแก้อาการหัวตันได้

หากพิมพ์รูปแล้วเห็นเป็นจุดชัดเจนมีเกรนน่าเกลียด (แม้จะสั่งพิมพ์ละเอียดสุด)
นั่นคือ อาการหัวพิมพ์ตันนิด ๆ ให้เอาหัวพิมพ์จุ่มน้ำอุ่นแล้วผายปอดตามข้อ 8

วิธีเติมหมึกตลับ HP 564
=================
ตลับ #564 เป็นตลับโครงสร้างใหม่ของ HP
รูปแบบจะคล้ายกับตลับ #5 #8 #820 #821 ของ Canon คือ ตลับจะแบ่งเป็น 2 ส่วน

1. ส่วนที่มีฟองน้ำดูดซับน้ำเก็บน้ำหมึก (จะมีรูระบายอากาศติดต่อกับภายนอก)
2. ส่วนที่เป็นห้องว่างไม่มีฟองน้ำ ไว้เก็บน้ำหมึกอย่างเดียว (จะไม่มีรูระบายอากาศ)
แต่จะมีช่องเชื่อมกับส่วนที่มีฟองน้ำ เพื่อให้หมึกไหลเข้าฟองน้ำได้

วิธีเติมหมึกมีหลายวิธี คล้าย ๆกับการเติมตลับ Canon

- วิธีหยดหมึกติ๋ง ๆลงบนฟองน้ำโดยตรง วิธีนี้จะเติมหมึกได้เฉพาะส่วนฟองน้ำ
หมึกที่เติมจะไม่เข้าไปเก็บในส่วนห้องว่าง ทำให้เติมได้น้อย แต่ทำได้ง่ายมาก
เด็ก ๆก็ทำได้สบายมาก หากเติมมากเกินหมึกจะล้นฟองน้ำไหลออกมาทางรูระบายอากาศ

- วิธีเจาะตลับฝั่งห้องว่าง แล้วเติมหมึกเข้าไป เสร็จแล้วต้อง seal ปิดผนึกรูที่เจาะ
ไม่ให้อากาศเข้าออกได้ เพราะถ้าปิดไม่สนิท หมึกจะรั่วออกจนหมดท่วมเครื่องพิมพ์
วัสดุที่ใช้อุดรอยเจาะ ควรเป็นเทปพันสายไฟ หรือกาวแท่งลนไฟหยอดปิด

- ตัดไฟก่อนถอดตลับ 564 ออกมาเติมหมึก

อนึ่ง ตลับ HP 564 มี 5 ตลับ
ตลับ C, M, Y, ดำโฟโต้, ดำPigment
ตลับดำโฟโต้ ออกแบบมาให้ใช้กับหมึกน้ำ Dye
ดังนั้นไม่ควรใช้หมึกดำ Pigment ซึ่งเป็นหมึกกันน้ำเติม
ปัจจุบันในท้องตลาด มีเพียงยี่ห้อ ezzyjet ที่ทำหมึกดำโฟโต้ของ HP ขาย
หากหาซื้อไม่ได้ ลองใช้หมึกดำโฟโต้ของ Canon
หรือหมึกดำของ Epson ยี่ห้อ freejet ซึ่งเป็นหมึกดำละลายน้ำ
ท่านอาจจะหาซื้อหมึกเติมสีดำของ Epson ที่เป็นหมึกน้ำ Dye มาเติมแทน

วิธีเติมหมึกโดยไม่ต้องถอดตลับ
=====================
ปกติตลับหมึกของ HP จะทนมาก แต่หลังจากเติมหมึก 40-50 ครั้ง
มักจะมีปัญหาลายทองแดงที่ตลับหมึกบุ๋ม เนื่องจากโดนกระแทกทุกครั้งที่ใส่ตลับเข้าเครื่อง
เมื่อบุ๋มลึกเกินไป ไม่สัมผัสทำให้วงจรทำงานไม่สมบูรณ์่ขึ้นตัว "E" ไม่รับตลับหมึก
ทำให้ต้องสูญเสียเงินซื้อตลับหมึกใหม่ (แม้ว่าจะคุ้มสุดคุ้มเพราะเติมหมึก 40-50 รอบแล้วก็ตาม)

อย่ากระนั้นเลย หาวิธีเติมหมึกโดยไม่ต้องถอดตลับหมึกเข้าออกบ่อย ๆดีกว่า
ในรูปจะเป็นตลับหมึกสี 60xl ราคา 1,250 บาท (เนื่องจากค่าตัวแพงมากจึงต้องหาทางประหยัด)
ส่วนตลับดำเป็น 60B ราคา 320 บาท ที่ผ่านการเสริมอึ๋มให้จุหมึก 15 ซีซีแล้ว (ตัวนี้ราคาถูก ไม่ Serious)



การเติมหมึกด้วยวิธีนี้ เหมาะสำหรับผู้ที่เติมหมึกเป็นมาก่อน
รู้ว่าพิมพ์งานไป 10-20-30 หน้า หมึกเหลือเท่าไรควรเติมเท่าไร
ถ้าจำไม่ได้เวลาเติมให้ฉีดช้า ๆ ถ้าเติมเกินจะล้นออกทางรูระบายอากาศด้านบน
ให้รีบหยุด แล้วดูดออก 0.5 ซีซี





แก้ไข
====
รูเติมหมึกสีแดง-น้ำเงิน-ดำ ที่เจาะท้ายตลับ ผมเจาะสูงเกินไปครับ
ทำให้เวลาแทงเข็ม ไม่สามารถแทงลึกถึงก้นตลับได้
ก่อให้เกิดปัญหาฟองอากาศ พิมพ์ไม่ออก ต้องถอดตลับมาดูดหัวพิมพ์

ผมจึงเอาเทปปิดรูที่เจาะ แล้วทำการเจาะรูใหม่ เจาะล่างสุดเลยครับ
คราวนี้เวลาแทงเข็มเข้าไปเติมหมึก ก็เป็นการเติมที่ก้นตลับพอดี


วิธีเติมหมึกโดยไม่ต้องถอดตลับ (ปรับปรุง)
============================
เนื่องจากเข็มให้น้ำเกลือปีกผีเสื้อ มีขนาดสั้นเกิน+สายน้ำเกลือห้อยยาวเกะกะ
ผมจึงคิดค้นวิธีใหม่ โดยใช้เข็มฉีดยาธรรมดา ยาว 1.5 นิ้ว (แทงถึงก้นตลับพอดี)
งอเข็มแล้วเสียบเข้าไปในฟองน้ำ (ระวังโดนหัวพิมพ์)
หาจุกยางมาอุดให้แน่น เวลาเติมก็ใช้เข็มแทงทะลุจุกยางเข้าไปฉีดหมึก
เท่านี้ก็เรียบร้อยครับ ไม่ต้องถอดตลับอีกแล้ว





http://www.bloggang.com/

วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ข้อดี ข้อเสีย ของการติดตั้ง Ink-Tank

ข้อดี ข้อเสีย ของการติดตั้ง Ink-Tank
คำตอบมีทั้งจริง และไม่จริงครับ   ปัจจัยอะไรบ้างที่สำคัญสำหรับปริ้นเตอร์  ที่จะส่งผลให้ปริ้นเตอร์พัง หรือไม่พัง คือ

1.  หมึกที่เติมเข้าไป หากร้านที่รับเติมหมึก หรือ รับติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ใช้หมึกเติมเกรดต่ำ จะทำให้หัวพิมพ์อุดตันได้ง่าย
2.  การติดตั้ง  หากช่างที่ติดตั้งเดินระบบไม่ดี คือเดินสายรกรุงรัง ไม่เป็นระเบียบ จะทำให้หัวพิมพ์วิ่งไปติดขัด ทำให้เฟืองรูดหรือหักได้

ความเข้าใจผิดของผู้ซื้อที่พบบ่อย คือ
         1. ร้านค้าที่ขายไม่ได้แนะนำลูกค่าว้าการติดตั้ง อิงค์แท้งค์เป็นการติดตั้งเพิ่มเติมเข้าไป เพราะร้านค้าทำเครื่องสำเร็จไว้แล้วพร้อมขาย พอลูกค้ามาซื้อก็แจ้งว่ามี แบบเครื่องธรรมดา และแบบติดตั้ง อิงค์แทงค์ จนลูกค้าเข้าใจว่า มีการติดตั้ง อิงค์แท้งค์ออกมาจากโรงงานผลิต ปริ้นเตอร์โดยตรง จะมีผลเสียอย่างไงหากลูกค้าเจ้าใจแบบนี้ คือ ลูกค้าจะเข้าใจว่าเครื่องปริ้นเตอร์ยังคงมีประกัน ตามเงื่อนไขผู้ผลิตปริ้นเตอร์ คือ1 ปี ซึ่งความจริง หากติดตั้งอิงค์แท้งค์ หรือเตืมหมึก  เครื่องจะหมดประกันทันที 


         2. ลูกค้า มักจะเข้าใจผิดว่า เครื่องปริ้นเตอร์ทั้งเครื่องประกัน 1 ปี  เครื่องปริ้นเตอร์ประกอบไปด้วยตัวเครื่องและหัวพิมพ์  ความจริงแล้ว 1 ปีนั้น แค่ตัวเครื่องอย่างเดียว ไม่ประกันหัวพิมพ์ แม้หากคุณซื้อจากที่ไหนก็ตาม หัวพิมพ์จะไม่มีประกัน ยกเว้นยี่ห้อ EPSON จะประกันหัวพิมพ์ให้ด้วย 1 ปี แต่มีข้อแม้ว่าต้องใช้ ตลับหมึกของแท้เท่านั้น หากใช้การเติมหรือซื้อตลับเทียบเท่ามาใส่ ก็จะหมดประกัน ทั้งเครื่อง และหัวพิมพ์ด้วย


         3.  ลูกค้ามักเข้าใจผิดว่า หมึก เติมที่มีขายกันตามร้านต่างๆ เป็นหมึกที่ผู้ผลิตปริ้นเตอร์ผลิตมาโดยตรง เพื่อให้เติมกับของที่เค้าผลิตมา จริงๆแล้ว ผู้ผลิตปริ้นเตอร์ ไม่ได้ผลิตหมึกเติม แต่ผลิตแค่ตลับแท้ของเค้าเท่านั้น ไม่มีการเติมหมึก คือหมดแล้วทิ้งซื้อตลับใหม่มาใส่ หมึกที่เราเติมๆกันอยู่ทุกวันนี้คือหมึกที่บริษัทอื่นผลิตขึ้นมาเพื่อใช้ใน การเติมใส่ในตลับแท้ หากหัวพังหรือตัน จะไม่ใช่ความผิดของผู้ผลิตปริ้นเตอร์ แต่เป็นเพราะหมึก จะเอาความผิดกับบริษัทผลิตหมึกเติมก็ไม่ได้อีก สรุปคือ ต้องทำใจและซื้อหัวพิมพ์หรือเครื่องใหม่ เช่นกรณีลูกค้า เอาเครื่องมาซ่อมแล้วบอกว่า ซื้อหมึกสำหรับเติมยี่ห้อนี้มาเติมแล้วปริ้นไม่ออกเลย แต่ตลับที่มากลับเครื่องปริ้นปกติ แต่ไปซื้อหมึกมาเติมกลับปริ้นไม่ออก หมึกเติมไม่ดีเลย ผมก็ถามเค้าว่า ซื้อหมึกเติมยี่ห้ออะไรและซื้อมาจากไหน เค้าก็บอกว่าเป็นของยี่ห้อปริ้นเตอร์นี่แหล่ะ ผมก็บอกว่าไม่ใช่ บริษัทผลิตปริ้นเตอร์ไม่ได้ผลิตหมึกเติม เค้าผลิตตัวเครื่อง ลูกค้าก็บอกว่าร้านที่ขายหมึกเติมให้บอกว่าเป็นของยี่ห้อนี้ สรุปคือ คนขายบอกไม่ละเอียดหรืออาจจะลูกค้าเข้าใจผิดเอง

          สรุปง่ายๆคือ หมึกเติมจะมียี่ห้อหลักของสินค้า แล้วจะใช้สำหรับเติมปริ้นเตอร์ยี่ห้ออะไรก็ว่าไป EPSON CANON HP LEXMARK BORTHER  เช่น ยี้ห้อ Freejet สำหรับเติมกับ Epson     Freejet สำหรับเติมกับ Canon ยี่ห้อหลักคือ Freejet เอาไปเติมกับเครื่องยี่ห้อ อะไรก็ว่าไป เหมือนน้ำมัน ปตท. แต่เป็นรุ่น แก๊สโซฮอล 95  แก๊สโซฮอล 91 ดีเซล  ปตท คือยี่ห้อหลัก  95 91 คือรุ่นที่ใช้เติม  แล้วบางจาก ก็มี 95 91 เหมือนกัน น้ำมันมีหลายบริษัทผลิต เช่น ปตท บางจาก TPI Esso Shell หมึกเติมก็เหมือนกัน
ก่อนจะติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ควรรู้ไว้ด้วยว่า ติดตั้งแล้วเครื่องปริ้นเตอร์จะหมดประกันทันที คำถามมีอยู่ว่าทำไมต้องติดตั้ง อิงค์แท้งค์
1. จำเมื่อคุณต้องการปริ้นเอกสารเป็นจำนวนมาก
2. ต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องหมึก เมื่อเทียบราคาต่อจำนวนแผ่น ติดตั้ง inktank จะถูกกว่ามาก

หลักการทำงานของเครื่องพิมพ์ inkjet
            หลัก การของ inkjet คือจะมีเข็มความร้อนเผาให้น้ำหมึกเกิดความร้อนจนพุ่งออกมาเป็นไอลงบนกระดาษ เหมือนกาต้มน้ำจนน้ำเดือดออกมาเป็นไอน้ำ ดังนั้นหากคุณใช้วิธีเติมแล้วพิมพ์ หากหมึกในตลับหมดเมื่อไหร่ไม่รู้ แล้วเครื่องก็ปริ้นต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้หัวพิมพ์เกิดความร้อนสะสม และช๊อตได้ เหมือนกับขับรถที่ไม่มีน้ำในหม้อน้ำ รถก็จะระบายความร้อนไม่ได้ เครื่องก็จะไหม้ อีกข้อคือ น้ำหมึกจะทำหน้าที่ล่อเลี้ยงหัวพิมพ์เอาไว้ไม่ให้หัวตัน เมื่อเราซื้อเครื่องปริ้นมาใหม่ๆ หมึกยังเต็มตลับ จะมีพื้นที่อากาศอยู่เล็กน้อย เวลาเราปริ้นหมึกก็จะลดลงไปเรื่อย และจะมีพื้นของอากาศเพิ่มมากขึ้น อากาศจะเป็นตัวทำให้หมึกแห้งและหวัพิมพ์ตันได้ หากหมึกหมดแล้วไม่ได้เติมเข้าไป
การติด ตั้งอิงค์แท้งค์ ไม่มีรูปแบบการเดินที่แน่นอน หรือเป็นมาตราฐาน ขึ้นอยู่กับ ไอเดียการเดินระบบของช่างล้วนๆ หากช่างไม่ชำนาญงาน เค้าจะเดินสายพาดไปพาดมา เดินไม่เป็นระเบียบ แล้วจะทำให้เครื่องตัดขัดและพังได้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจติดตั้ง อิงค์แท้งค์ ควรขอดูงานตัวอย่างก่อน จากเครื่องตัวอย่าง ถ้าคุณดูแล้วเป็นระเบียบดี ประมาณว่าดูแล้วสวยลงตัว ก็ค่อยซื้อ หากเดินไม่เป็นระบบระเบียบ ติดตัวจับสายไม่เรียบร้อย ติดตัว Tank ไม่เรียบร้อย ก็เปลี่ยนร้านซื้อได้เลยครับ
จากการ ติดตั้ง ink Tank ที่มีการเดินไม่เรียบร้อยและไม่มีคลิบล๊อคสาย การเดินที่ดีจะต้องไม่ไปทำให้ส่วนหนึ่งส่วนใดของเครื่องปริ้นเตอร์เกิดการ เสียหาย การร้อยสายยางเข้าไปในตัวเครื่อง และทำการเจาะเครื่องเพื่อยึดตัว tank น้ำหมึกกับตัวเครื่อง ซึ่งมั่นคงถาวรไม่หลุดก็จริง แต่การเจาะเครื่องจะทำให้เครื่องพิมพ์ ไม่สามารถเคลมประกันได้อย่างถาวรเช่นกัน จริงอยู่ที่นำไปติดตั้ง INK Tank เครื่องจะหมดประกันอยู่แล้ว แต่ถ้าเราติดตั้งแบบสามารถตอนชุด Ink Tank ออกได้อย่างไม่มีความเสียหายต่อตัวเครื่อง เครื่องก็สามารถเอาไปเคลมได้ เพียงแต่คุณถอดแท้งค์ออกแล้วทำความสะอาดให้เรียบร้อย แต่บางศูนย์บริการเค้าก็รู้แต่เค้าก็เคลมให้ ถ้าสภาพเครื่องไม่เละจนเกินไป  ดังนั้นก่อนที่คุณจะติดตั้ง Ink tank ควรจะดูตัวอย่างงานติดตั้งให้ดี ไม่งั้นคุณจะปวดหัวจุกจิกกับเครื่องพิมพ์คุณไปตลอด เพราะการติดตั้งอย่างไม่ถูกวิธีจะทำให้ เครื่องมีปัญหาตามมาภายหลังได้ สายยางติดขัด หัวพิมพ์เสื่อมคุณภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น  สีเพี้ยน กลไกติดขัด  เฟืองหัก  จนถึงขั้นเครื่องพังไปเลยก็มี
รูปเครื่องที่ทำการติดตั้ง INK Tank

ระบบเติมหมึกอัตโนมัติ Auto refill

ระบบเติมหมึกอัตโนมัติ Auto refill
การพิมพ์ของเครื่องอิ้งค์เจ็ต มีอยู่ 2 วิธี ดังนี้

1. Thermal Electric (ความร้อน) เป็นการใช้ไฟฟ้ากระตุ้นน้ำหมึกที่หัวพิมพ์ให้เกิดความร้อนและฉีดออกมา ใช้ในยี่ห้อ  HP , CANON , LEXMARK
2. Piezo Electric (แรงดันไฟฟ้า) เป็นการใช้ไฟฟ้าไปกระตุ้นให้แท่ง Piezo Crystal สั่นและดันเอาน้ำหมึกออกมา ใช้ในยี่ห้อ EPSON 
การทำงานของระบบ
การ ทำงานของระบบ tank จะประกอบด้วย 2 ห้อง คือห้องเล็กและห้องใหญ่ โดยที่แรงดันในสายยางและห้องใหญ่ จะคงที่ตลอดเท่ากับห้องเล็กซึ่งอากาศจากภายนอกจะดันเข้ามาแทนที่ เมื่อมีการใช้หมึก หมึกจากห้องหมึกใหญ่จะค่อยๆ ลดลงโดยที่ความดันยังคงที่ ดังนั้นการใช้งานปกติหมึกที่อยู่ในห้องเล็กจะสูงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังรูป

                         

จุกยางจะมี 2 จุก คือจุกเล็กและ จุกใหญ่ โดยการใช้งาน ภาวะปกติให้ปิดจุกใหญ่ไว้ส่วนด้าน จุกเล็กให้เปิดออกและใส่ชุดกรองอากาศไว้
 เมื่อต้องการเคลื่อนย้ายเครื่องพิมพ์และชุดแทงค์
  1. ต้องถอดชุดกรองอากาศออกก่อนและปิดจุกยางเล็ก และปิดจุกยางใหญ่ทุกครั้ง
  2. เก็บ สายยางให้เรียบร้อยโดยให้มีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด หรือพับสายยางและหนีบด้วยคลิปหนีบ หรือเทปใสเล็กรัดสายยางไว้ เนื่องจากแรงดันในสายยางจะเปลี่ยนแปลงไปด้วย
  3. ชุดแท้งค์ให้อยู่ในระนาบเดียวกับเครื่องพิมพ์หรือวางบนถาดรองรับกระดาษด้านหน้า (ถ้ามี)
  4. ห้ามวางชุดแท้งค์บนเครื่องพิมพ์
เมื่อต้องการเติมหมึก
  1. ควร ที่จะต้องพับสายยางและใช้คลิปหนีบกระดาษ หรือเทปใสเล็กรัดสายยางไว้ เพราะว่าถ้าไม่พับสายยาง อาจทำให้แรงดันสูงขึ้น ขณะเติมหมึกซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องพิมพ์
  2. ถอดชุดกรองอากาศออก ปิดจุกเล็กไว้ก่อน แล้วค่อยเปิดที่จุกใหญ่
  3. เติมหมึกให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ ปิดจุกใหญ่แล้วค่อยเปิดจุกเล็ก
ตัวอย่างของแท้งค์ที่มีแรงดันเปลี่ยนไป ซึ่งเป็นอันตรายต่อเครื่องพิมพ์
                                   
 ดูรูปประกอบซึ่งอาจมีสาเหตุที่เป็นไปได้ดังนี้
  1.  วางชุดแท้งค์สูงกว่าเครื่องพิมพ์
  2. เปิดจุกเล็กและจุกใหญ่พร้อมกัน
การแก้ไขแท้งค์ที่มีแรงดันเปลี่ยนไป
  1. ควร ที่จะต้องพับสายยางและใช้คลิปหนีบกระดาษ หรือเทปใสเล็กรัดสายยางไว้ เพราะว่าถ้าไม่พับสายยาง อาจทำให้แรงดันสูงขึ้น ขณะเติมหมึกซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อเครื่องพิมพ์
  2. ถอดชุดกรองอากาศออก ปิดจุกเล็กและ ปิดจุกใหญ่
  3. เอียงถังหมึก ดังรูปสังเกตเห็นว่าหมึกพิมพ์จะไหลจากห้องเล็กสู่ห้องใหญ่ ดังรูป
                            

  • เอียงถังหมึกตั้งตรงตามปกติ
สาเหตุที่ทำให้หัวพิมพ์เสื่อม หรือเสีย
  1. เครื่องพิมพ์ไม่ได้ถูกใช้งานเป็นเวลานานเกิน 2 สัปดาห์ หมึกจะเริมแห้งและทำให้หัวพิมพ์อุดตัน
    2. น้ำหมึกในตลับเริ่มหมด แล้วยังใช้พิมพ์งานต่อไปอีก ฉะนั้นหัวพิมพ์จะขาดน้ำหมึกหล่อเลี้ยง และไม่สามารถระบายความร้อนที่หัวพิมพ์ออกไปได้ จึงเป็นผลทำให้หัวพิมพ์เสียหายอย่างถาวร
    3. หัวพิมพ์หมดสภาพหรืออายุการใช้งาน
    4. นำตลับหมึกมาเติมหมึกและนำกลับมาใช้งานบ่อยครั้งเกินไป หรือการดูแล และคุณภาพของน้ำหมึกที่ใช้เติมไม่ดี

    เทคนิคป้องกันและวิธีแก้ไขปัญหา
  2. หาก เครื่องพิมพ์ไม่ค่อยได้ใช้งาน ควรเปิดเครื่องพิมพ์อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งและทดลองพิมพ์ เพื่อให้ระบบของเครื่องทำความสะอาดหัวพิมพ์ หากงานพิมพ์ปรากฎสีใดสีหนึ่งขาดหายไป ควรทำการเติมหมึกหรือ สั่งล้างหัวพิมพ์จากเครื่องไดร์เวอร์เครื่องพิมพ์รุ่นนั้นๆ และให้ทดลองพิมพ์งานต่อไป ถ้ายังมีสีที่ขาดหายไปควรส่งให้ช่างที่ชำนาญตรวจสอบต่อไป (สำหรับตลับที่มีหัวพ่นและหมึกอยู่ตลับเดียวกันให้นำตลับหมึกจุ่มในน้ำร้อนประมาณ 80 องศา ประมาณ 10 นาทีแล้วนำกระดาษทิชชูมาซับเพื่อดูว่าน้ำหมึกออกเป็นปกติหรือยังถ้าไม่ดีขึ้นแสดงว่าตลับพิมพ์นี้อาจเสียหายถาวรไม่ควรนำตลับที่เสื่อมหรือเสียนี้มาเติมหมึก )

วันศุกร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เติมหมึกให้อิงก์เจ็ต ใครว่ายาก? ตอนที่ 4 วิธีแก้ปัญหาที่เกิดจากการเติมหมึก

กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่เคยเติมหมึกมาแล้ว มักจะประสบกับปัญหาต่างๆ เช่น น้ำหมึกไม่ออก หรือเติมหมึกแล้วสีที่พิมพ์ออกมาผิดเพี้ยน เป็นต้น
ส่วนใหญ่ปัญหาพวกนี้มักเกิดจาก 5 สาเหตุหลักๆ ซึ่งได้แก่ หัวพิมพ์เสีย เนื่องจากทำหล่น, แผ่นลายทองแดงที่หัวพิมพ์ขาด, หัวพิมพ์อุดตัน เพราะไม่ได้ใช้เครื่องนานเกินไป พิมพ์งานจนหมึกหมด แล้วยังฝืนพิมพ์ต่อจนท่อพ่นหมึกเสีย (Overheat) และน้ำหมึกในตลับหมด ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ด้านล่างของตลับ และเป็นตัวคั่นไม่ให้หมึกที่เติมลงไปไหลลงสู่หัวพิมพ์
วิธีแก้ปัญหา กรณีที่เกิดปัญหาเพราะหัวพิมพ์ตกหล่นหรือแผ่นทองแดงขาด นั่นหมายถึงตัวตลับจะเสียไปโดยปริยาย จึงไม่ควรนำตลับหมึกดังกล่าวมาใช้เติมอีกต่อไป วิธีทดสอบว่าแผ่นลายทองแดงขาด หรือไม่ให้นำตลับหมึกใส่เข้าไปในเครื่อง ถ้าหัวพิมพ์ไม่เคลื่อนที่ ก็แสดงว่าลายทองแดงเกิดการชำรุดเสียหาย
ส่วนในกรณีที่หัวพิมพ์อุดตันเพราะไม่ได้ใช้ เครื่องเป็นเวลานานๆ ให้แก้ไขด้วยการนำส่วนของหัวพิมพ์ไปแช่ในน้ำร้อนเป็นเวลา 3 – 5 นาที เพื่อให้น้ำหมึกที่แห้งละลายออกมา หรืออาจจะนำตลับหมึกไปล้างด้วยเครื่อง Ultrasonic Cleaning เพื่อทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อุดตันอยู่ในหัวพิมพ์
จากประสบการณ์เติมหมึกของผมเอง พบว่าปัญหาที่เจอบ่อยที่สุดมักเกิดจากกรณีที่ 5 คือน้ำหมึกหมด ทำให้อากาศไหลเข้าสู่ตัวตลับ อย่างไรก็ตาม ผมได้พัฒนาเทคนิคการ “อัดอากาศ” ขึ้นมา โดยเทคนิคที่ว่านี้จะอาศัยการเพิ่มแรงดันอากาศเข้าไปในช่องเติมหมึก เพื่อให้แรงดันที่เพิ่มขึ้นนี้ไปดันน้ำหมึกที่เติมเข้าไปและไล่อากาศออกมา ทางหัวพิมพ์ เทคนิคนี้คุณผู้อ่านสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับตลับหมึกอิงก์เจ็ตได้ทุกรุ่น แต่เพื่อความรวบรัด เลยขอยกตัวอย่างเทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึกรุ่นยอดนิยมของ HP ซึ่งได้แก่รุ่น C1823A, 6625A และ 6578A

ขั้นตอนการอัดอากาศ


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำไปแช่น้ำร้อนเป็นเวลา 3- 5 นาที

  • เตรียมเข็มฉีดยา และแผ่นยางสำหรับปิดหัวพิมพ์ให้พร้อม (มีกาว และรูตรงกลาง)

  • ลอกกระดาษกาวออก แล้วนำแผ่นยางไปปิดที่ตลับหมึก โดยปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูของช่องเติมหมึก ดึงคันชักเข็มฉีดยาขึ้น แล้วเสียบลงในรูแผ่นยาง จากกนั้นค่อยๆ กดคันชักลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายในตลับ น้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์ ในกรณีที่ไม่มีแผ่นยางปิดหัวพิมพ์เอาไว้ให้ดึงคนชักเข็มฉีดยาขึ้น แล้วนำไปจ่อตรงรูช่องเติมหมึก เมื่อค่อยกดคันชักลง น้ำหมึกก็จะเริ่มไหลออกมา



    <<...ล้างหัวพิมพ์ด้วยการแช่ในน้ำร้อนเป็นเวลา 3 – 5 นาทีแล้วซับด้วยกระดาษทิชชู ...<<

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก Canon รุ่น BC-05, BC-01/02, BX-01/02


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • ใช้สกรูเจาะและหมุนเข้าไปในพลาสติกปิดรูช่องเติมหมึกแล้วดึงออกมา

  • เติมน้ำหมึกในช่องสีนั้นพอประมาณ

  • ดึงคันชักไซริงค์ขึ้น ก่อนเสียบเข้าไปในช่องเติมหมึก แล้วจึงค่อย ๆ กดคันชักลงเพื่ออัดอากาศเข้าไปในช่องเติมหมึกเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายใน ตลับ น้ำหมึกจะค่อย ๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก Canon รุ่น BC-20, BC-22C


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • ใช้สกรูเจาะและหมุนเข้าไปในพลาสติกปิดรูช่องเติมหมึกแล้วดึงออกมา

  • เติมหมึกในช่องตลับหมึกพอประมาณ

  • นำแผ่นยางปิดช่องเติมหมึก โดยลอกกระดาษกาวออกปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูของช่องเติมหมึกดึงคันชักไซริงค์ ขึ้น แล้วเสียบลงในรู แผ่นยาง ค่อย ๆ กดคันชักไซริงค์ลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายในตลับน้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์



    >>... นำแผ่นยางมาประกบที่ช่องเติมหมึก แล้วใช้เข็มฉีดยาค่อยๆ อัดอากาศลงไปในช่องเติมหมึก ...>>

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก HP รุ่น 51625A, 51649A


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • เปิดฝาตลับหมึกออก เติมน้ำหมึกในช่องสีนั้นพอประมาณ

  • ใช้สติ๊กเกอร์ปิดคาดรูเติมหมึก ซึ่งจะเห็นว่ามีทั้งหมด 3 รู ต่อช่องสี ให้ปิดคาด 2 รู คงเหลือไว้ 1 รู

  • ลอกกระดาษกาวออกจาก แผ่นยางปิดช่องเติมหมึก ปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูช่องเติมหมึก

  • ดึงคันชักไซริงค์ขึ้น แล้วเสียบลงในรู แผ่นยาง ค่อย ๆ กดคันชักไซริงค์ลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายในตลับน้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์

    เทคนิคการอัดอากาศสำหรับตลับหมึก Canon รุ่น BC-03, BX-3


  • ล้างหัวพิมพ์ โดยนำส่วนของหัวพิมพ์แช่น้ำร้อน 3-5 นาที แล้วใช้กระดาษทิชชูเช็ดให้แห้ง

  • ใช้เหล็กรูปตัวแอล กดลูกเหล็กตรงช่องเติมหมึกให้หล่นเข้าไปในตลับ

  • เติมหมึกในช่องตลับหมึกพอประมาณ

  • ลอกกระดาษกาวของ แผ่นยางปิดช่องเติมหมึกออก ปิดให้รูแผ่นยางตรงกับรูช่องเติมหมึก

  • ดึงคันชักไซริงค์ขึ้น แล้วเสียบลงในรู แผ่นยาง ค่อย ๆ กดคันชักไซริงค์ลงเพื่อเพิ่มแรงดันอากาศภายใน ตลับน้ำหมึกจะค่อยๆ ไหลออกมาทางหัวพิมพ์

    หากสังเกตดูดีๆ จะเห็นว่า วิธีการแก้ปัญหาที่เกิดจากการเติมหมึกสำหรับพรินเตอร์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ นั้น มีทั้งส่วนที่เหมือนและแตกต่างกัน ถึงแม้บทความชุดนี้จะไม่ได้ครอบคลุมตลับหมึกทุกรุ่นที่มีจำหน่ายอยู่ใน ปัจจุบัน

    แต่ถ้าคุณผู้อ่านสนใจ สามารถหาติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ในพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มล่าสุด “Inkjet PowerUP : เพิ่มพลังเติมหมึกยกกำลัง 2” ซึ่งได้รวบรวมเทคนิค การเติมหมึกสำหรับตลับหมึกแต่ละแบบเอาไว้อย่างครบถ้วนแล้ว

  •  http://www.arip.co.th/articles.php?id=405546

    วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2554

    หัวพิมพ์ตัน .. พิมพ์รูปมีลายขวางเป็นม้าลาย

    หัวพิมพ์ตัน .. พิมพ์รูปมีลายขวางเป็นม้าลาย
    สำหรับผู้ใช้เครื่องพิมพ์ที่นาน ๆใช้ที
    ขนาดกำชับว่า 2-3 วันเปิดพิมพ์อะไรก็ได้ทิ้ง ๆขว้าง ๆสักแผ่นก็ยังดี
    พี่ท่านก็ยังลืม หรืออาจจะขี้เกียจด้วย อิ..อิ..
    เวลาผ่านไปเป็นสัปดาห์ เป็นเดือน จนลืมไปเลยว่าี่มีเครื่องพิมพ์อยู่

    แน่นอนครับ หัวพิมพ์จะเริ่มตันทีล่ะนิด พิมพ์รูปออกมามีลายขวางเป็นทางม้าลาย
    หรือถ้าอาการหนักมาก หมึกแห้งคาฟองน้ำส่งผลให้ฟองน้ำแข็งไม่ซึมซับหมึก
    เติมหมึกนิดเดียวก็ล้นแต่สั่งพิมพ์อะไรไม่ออกเลย



    ปัญหานี้ไม่เหมือนปัญหาฟองอากาศคั่นอยู่ระหว่างชั้นหมึก
    อันนั้นใช้ลมอัดไล่ฟองอากาศออกมาได้ง่าย ๆ แต่นี้หมึกแข็งตัวอุดตันแก้ยากกว่า

    ก่อนอื่นมาดูโครงสร้างของตลับหมึก HP ก่อน



    ในรูปเป็นตลับหมึกสีเบอร์ 22 ยอดนิยม
    สังเกตขอบพลาสติกของตัวถังหนามากชนิดรถถังเรียกพี่
    ผ่านการทุบถองด้วยค้อน+คัตเตอร์ จึงเปิดฝาออกได้
    จะเห็นแผ่นสี่เหลี่ยมสีขาวอยู่ 3 แผ่น เดาว่าน่าจะเป็นแผ่นกรองน้ำหมึกก่อนออกสู่หัวพิมพ์
    สำหรับมือใหม่ถ้าเติมหมึกโดยจิ้มเข็มลงตรงกลางก็จะทะลุแผ่นกรองหมึกสีขาว
    ก็เรียบร้อยครับ หาซื้อตลับหมึกใหม่ได้เลย

    อย่า..อย่า..เพิ่งตกใจ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงมีดบาดมานั่งผ่าตลับหมึก
    ผมเพียงแต่เอารูปมาให้ดู ให้เห็นว่าช่องหมึกออกยกสูงขึ้นมาจากหัวพิมพ์
    เวลามีการอุดตัน ก็น่าจะมีหมึกแข็งตัวเป็นก้อนอุดตันที่แผ่นกรองสีขาวนั่นเอง

    เนื่องจากหมึกสี HP เป็นหมึกที่ใช้ตัวทำละลายคือน้ำธรรมดา
    ดังนั้นไม่จำเป็นต้องไปหาซื้อน้ำยาล้างหัวพิมพ์ให้เปลืองตัง
    แค่เอาตลับหมึกแช่น้ำประปาง่ายจะตายไป
    (ยกเว้นท่านเอาหมึก Canon ซึ่งกันน้ำดีกว่า HP มาเติมตลับ HP อาจมีปัญหา)
    นอกจากนี้หมึกเติมบางยี่ห้อเช่น Comax ของ HP ก็จะมีคุณสมบัติกันน้ำนิด ๆด้วย




    มีเทคนิคนิดหน่อย คือแช่ให้ระดับน้ำสูงกว่าแผ่นกรองสีขาวด้านในตลับ
    เพื่อที่แรงดันน้ำจะได้ดันน้ำถึงระดับแผ่นกรอง ละลาย clog ที่อุดตัน
    ตามรูปจะเห็นแช่แค่ตื้น ๆ นั่นมันหลอกตาครับเพราะแสงหักเหใต้น้ำ จริงแล้วแช่เกือบครึ่งตลับ
    จากผลการทดลอง ถ้าจะให้หัวพิมพ์ Clear 100% ต้องแช่ค้างคืนครับ



    เสร็จแล้วเอาจุ๊บดูดตรงหัวพิมพ์ หมึกจะทะลักออกมาอย่างง่ายดาย
    รับประกันพิมพ์ออกมาไร้ตำหนิ เหมือนหัวพิมพ์ใหม่แกะกล่องยังไงยังงั้น



    ชะแว๊บ ... เนียนจริง ๆไม่มีรอยขวางม้าลายให้เห็นอีกแล้ว
    ช่วงใช้งานใหม่ ๆหมึกอาจจะสีจางกว่าปกติเพราะมีน้ำผสม แต่ก็ใช้งานได้ครับ
    พิมพ์รูปออกมาสวยเนียนไร้ตำหนิ สวรรค์ของคนใช้ HP จริง ๆ

    ถ้าอาการไม่หนักมาก+รีบใช้งาน
    ก็ให้เอาถ้วยเล็ก ๆใส่น้ำนิดหน่อยเข้า Microwave เวฟสัก 20 วินาที ก็ได้น้ำอุ่น
    เอาหัวพิมพ์ลงไปแกว่ง ระวังอย่าเตรียมน้ำร้อนเกินไป หัวพิมพ์อาจพังได้
    ถ้าน้ำร้อนเกินไป ก็แกว่งไปนับ 1-5 (5 วินาที) แล้วรีบเอาขึ้น อย่าแช่นานเกินไป

    กรณีอาการหนักมาก แช่น้ำทั้งคืนก็ไม่หาย
    ให้ใช้หลอดฉีดยาฉีดน้ำเปล่าเข้าไปล้างฟองน้ำให้ขาวสะอาด(7-8 เที่ยว)
    เสร็จแล้ววางหัวพิมพ์บนทิชชู่ ให้น้ำซึมออกมาให้หมด
    แล้วเติมหมึกใหม่ครับ

    อีกวิธีก็วางตลับหมึกในอ่างน้ำเครื่อง Ultrasonic
    เปิดคลื่น Ultrasonic สัก 1 นาทีครับ ช่วยได้เช่นกัน

    ปล. ต้องแยกอาการให้ออกนะครับ ว่าหัวพิมพ์ตันเนื่องจากไม่ได้ใช้งานมานาน
    กรณีมือใหม่หัดเติมหมึก จิ้มเข็มลงไปตรงกลางทะลุแผ่นกรองสีขาวของหัวพิมพ์เป็นรู
    อันนี้หัวพิมพ์เสีย หมึกออกบ้างไม่ออกบ้าง แก้ไม่ได้แล้วครับ ต้องซื้อใหม่


    พิมพ์เป็นทางม้าลาย เนื่องจากตอนเติมหมึกเสียบเข็มไม่ลึกพอ
    ====================================
    อาการนี้เจอบ่อยเช่นกัน นักเติมหมึกมือใหม่มักไม่กล้าเสียบเข็มลึก
    เพราะเกรงว่าจะไปแทงทะลุหัวพิมพ์
    หรือไม่ก็ใจร้อนฉีดหมึกเร็วเกินไป หรือฉีดหมึกใส่รูที่ห่างไกลหัวพิมพ์
    หรือใช้หมึกที่มีฟองฟอดเติมเข้าไปในตลับ
    ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้เกิดฟองอากาศคั่นระหว่างหัวพิมพ์กับหมึก

    การเติมหมึกที่ได้ผลดีที่สุด คือ ฉีดหมึกใกล้หัวพิมพ์ที่สุดอย่างช้า ๆ
    นั่นคือ ควรจะเสียบเข็มลึกถึงก้น (แต่ไม่ใช่ตรงกลาง เดี๋ยวจะแทงหัวพิมพ์)
    โดยเลือกรูที่ใกล้หัวพิมพ์ที่สุด

    วิธีแก้อย่างรวดเร็ว คือ หาทางอัดลมเข้าไปดันให้น้ำหมึกลงไปกองใกล้หัวพิมพ์
    แต่บางครั้งวิธีนี้ก็ไม่สามารถกำจัดฟองอากาศในตลับได้
    ให้ใช้วิธีเสียบเข็มเข้าไปดูดหมึกออกให้มากที่สุด
    แล้วเติมหมึกเข้าไปใหม่ โดยเสียบเข็มให้ลึกถึงก้น ฉีดช้า ๆ

    พิมพ์เป็นทางม้าลาย เนื่องจากหัวพิมพ์ร้อนพัง
    ==========================
    ตลับหมึกรุ่นใหม่ หัวพิมพ์จะไม่ค่อยทนทานเท่าตลับรุ่นเก่า
    เมื่อหมึกหมดแล้วยังคงมีการพิมพ์งานต่อ จะทำให้หัวพิมพ์สีนั้นเสียหาย
    ส่งผลให้งานพิมพ์เป็นทางม้าลาย

    เช่น สีเหลืองมักจะเป็นสีที่หมดก่อนสีอื่น (เพราะใช้เยอะเป็นส่วนผสมในสีเขียวกับสีแดง)
    อาการเริ่มจาก สั่งพิมพ์สีเหลืองแต่ออกมาเป็นสีเหลืองอ่อน
    ซึ่งไม่มีทางแก้ ไม่ว่าจะแช่น้ำ ยิงคลื่นultrasonic หรือจะปั๊มดูดยังไงก็ไม่หาย
    คาดว่าหัวพิมพ์คงหลอมละลายอุดตันไปเรียบร้อยแล้ว

    ดังนั้นการซื้อตลับหมึก HP มือสอง ที่วางขายอยู่ทั่วไปเสี่ยงยิ่งนัก
    เพราะตลับหมึกเหล่านี้ผ่านการพิมพ์จนหมึกหมดทุกหยด จึงเอามาขาย
    หัวพิมพ์บางสีอาจจะเสียหายไปเรียบร้อยแล้ว

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chaiya&group=7

    วิธีเติมหมึก Canon ตลับ #5 #8 #820 #821

    วิธีเติมหมึก Canon ตลับ #5 #8 #820 #821
    การเติมหมึกตลับ Canon ชนิดตลับแยกสีนี้ ควรเติมหลังจากที่

    1. โปรแกรมของเครื่องพิมพ์เตือนว่าหมึก"สีนั้น"หมด
    2. ที่เครื่องพิมพ์ขึ้นไฟกระพริบไม่สามารถพิมพ์ต่อได้
    3. ให้กดปุ่ม Resume ที่เครื่องพิมพ์ค้างไว้ 5 วินาที แล้วเครื่องก็จะพิมพ์งานต่อได้
    4. หลังจากพิมพ์งานเสร็จจึงค่อยถอดตลับ"สีนั้น"มาเติมหมึก

    ซึ่งตลับแต่ล่ะสี จะไม่หมดพร้อมกัน ตลับสีไหนหมดก่อนก็เติมสีนั้นก่อน
    จึงจำต้องทำขั้นตอนข้อ 1-4 ทั้งหมด 4 รอบ แล้วแต่สีไหนหมดก่อน (เครื่อง 4 ตลับ)
    ห้ามเติมหมึกตลับที่ยังไม่หมดก่อนล่วงหน้า มิฉะนั้นโปรแกรมอาจล๊อก ทำให้ไม่สามารถใช้ตลับนั้นได้
    แต่หลังจากทำขั้นตอน 1-4 ครบทุกสี สามารถถอดตลับมาเติมหมึกเมื่อไรก็ได้ตามใจชอบ

    หากเครื่องขึ้นข้อความถามประมาณว่า
    "ตลับสีหมึกหมดแล้ว หากต้องการใช้ต่อให้ตอบตกลง" ?
    "ต้องการยกเลิกระบบตรวจเช็คระดับหมึก ใช่หรือไม่" ?
    ก็ตอบ OK ตกลง ใช่ ไปเรื่อย ๆ

    ตลับหมึกรุ่นนี้จะแบ่งเป็น 2 ส่วนครับ

    1. ส่วนที่มีฟองน้ำ (ห้องใหญ่)
    2. ส่วนที่เป็นห้องเก็บน้ำหมึก (ห้องเล็ก)

    ปกติที่เห็นโดยทั่วไป วิธีเติมหมึกจะเจาะด้านบนของห้องเก็บน้ำหมึก
    เติมหมึกเข้าไปแล้ว seal ด้วยปืนกาว หรืออาจจะขันน๊อตปิดไม่ให้อากาศเข้าได้
    ซึ่งถ้า seal ไม่ดี หรือ เวลาเติมหมึกครั้งใหม่ก็ต้องเปิดรูแล้ว seal ใหม่อยู่เรื่อย
    ถ้าอุดไม่ดีอาจมีปัญหาอากาศรั่วเข้าไปได้ หมึกก็จะไหลท่วมเครื่องเสียหายได้

    อย่ากระนั้นเลย มาลองใช้วิธีเติมหมึกโดยไม่ต้อง seal ให้ยุ่งยาก
    หมึกหมดก็แค่ถอดตลับมาเสียบเข็มฉีดหมึกให้เต็ม ง่ายจะตายไป

    นี่ครับโฉมหน้าตลับ Canon เบอร์ 8 เบอร์ 5


    คัดนายแบบออกมา 1 นาย ขอเป็นสีเหลืองล่ะกัน
    ทุกครั้งที่จะถอดตลับให้ตัดไฟก่อนครับ ไม่งั้นตัวชิปเสียหน้ามืด
    1. เปิดฝาให้ตลับเลื่อนมาพร้อมถอด แต่ .. อย่าเพิ่งถอด
    2. ดึงปลั๊กไฟออกแกล้งไฟดับ แล้วค่อยถอดตลับออกมา


    ตรงวงกลมสีแดง คือ ส่วนที่เราจะทำการเจาะรูเพื่อเติมหมึกครับ

    นี่ไง เจาะรูเรียบร้อยแล้ว
    ผมใช้หัวแร้งบัดกรีจี้นำเป็นรูเล็ก ๆ แล้วค่อยเอาไขควงซ่อมนาฬิกาอันเล็กคว้านให้ใหญ่
    แหะ..แหะ.. ถ้าฟังดูซับซ้อน ก็ใช้สว่านเจาะ หรือทำยังไงก็ได้ให้ได้รูขนาดเข็มฉีดยาเสียบเข้าไปได้

    อุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นต้องมี คือ เข็มฉีดยาขนาด 3-4 นิ้ว
    หาซื้อได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป (ร้านขายยาเล็ก ๆอาจไม่มีขายครับ)
    ที่ต้องยาวเพราะต้องเสียบเข้าไปให้ถึงห้องที่เก็บน้ำหมึกครับ

    เสียบเข้ามาแล้ว
    เห็นหัวเข็มทะลุฟองน้ำเข้าไปยังห้องเล็กที่เก็บน้ำหมึก

    อีกรูป ชัด ๆ

    เรียบร้อยครับพี่น้อง
    หมึกเต็มสมใจนักเติมหมึก

    โอ้ ... รูเติมไม่ต้อง seal ให้ยุ่งยาก
    หมึกไม่รั่วออกมาอยู่แล้ว ฟองน้ำอุ้มน้ำหมึกไว้

    สภาพตลับเดิม ๆครับพี่น้อง
    ไม่ต้องไปแกะสติ๊กเกอร์ เจาะ ๆซีล ๆให้วุ่นวายเหมือนก่อน

    == แถมท้าย ==
    สำหรับผู้ที่ไม่อยากเจาะตลับวุ่นวาย ก็ให้ใช้วิธีหยดหมึกติ๋ง ๆลงไปบนฟองน้ำกลมโดยตรงก็ได้ครับ
    (หงายตลับขึ้นมา ตรงช่องหมึกออกนั่นล่ะ จะเห็นช่องกลม ๆและฟองน้ำ)
    แต่จะเติมหมึกได้แค่เต็มฟองน้ำเท่านั้น ไม่สามารถเติมหมึกที่ห้องเล็กเก็บน้ำหมึกได้
    เวลาเติมอย่าให้เข็มฉีดยาไปโดนฟองน้ำจนเสียรูปล่ะ

    ควรจะเติมหมึกให้ฟองน้ำชุ่มหมึกอยู่เสมอ
    การปล่อยให้ตลับมีหมึกเหลือนิดเดียวไว้นาน ๆไม่รีบเติม
    หมึกจะแห้ง ส่งผลให้ฟองน้ำแข็ง ไม่ซึมซับหมึก
    ตามภาพที่เห็นตลับสีเหลืองฟองน้ำยังซึมซับหมึกได้ดี
    ถ้าเกิดสภาวะฟองน้ำแข็งจะเห็นสีเหลืองในฟองน้ำแบ่งเป็น 2 สี อ่อนกับเข้ม

    http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chaiya&group=10